การปลูกกาแฟคุณภาพ
โดย : นายสุริศักดิ์ แก้วมณี วันที่ : 2017-04-04-16:50:14ที่อยู่ : บ้านเลขที่ ๑๐๔ หมู่ที่ ๒ ตำบลในวงเหนือ อำเภอละอุ่น จังหวัดระนอง
ความเป็นมา / แรงบันดาลใจ / เหตุผลที่ทำ ->
กาแฟเป็นพืชที่ทนต่อสภาพ ดิน ฟ้า อากาศ เป็นพืชที่ได้รับผลผลิตเร็ว ภายใน ๒ – ๓ ปี ปลูกง่าย และเป็นที่ต้องการของตลาด
วัตถุประสงค์ ->
๑. สร้างรายได้แก่ครัวเรือน
๒. เพื่อพัฒนาคุณภาพของผลิตให้มีมาตรฐานในการส่งออกต่างประเทศ
วัตถุดิบ (ถ้ามี) ->
ต้นพันธุ์กาแฟ/ปุ๋ย
อุปกรณ์ ->
๑. จอบ/เสียม
๒. อุปกรณ์สำหรับรดน้ำ
๓. ถุงเพาะชำกล้าไม้
กระบวนการ/ขั้นตอน->
การปลูกส่วนมากแล้วจะมาจากต้นกล้าที่ชำในถุงพลาสติก ดังนั้นก่อนที่จะนำลงปลูกในหลุม
จำเป็นที่จะต้องนำถุงพลาสติกออกเสียก่อน แล้วนำมาวางในหลุมที่ขุดให้มีขนาดพอใส่ถุงลงได้ และระมัดระวังอย่าให้รากแก้งคดงอ หลังจากนั้นนำดินมาใส่ให้เต็มโคนต้นและกดรอบๆ โคนต้นให้ดินแน่น ในกรณีที่ปลูกจากต้นกล้าที่ชำในแปลง และมีการถอนรากควรเลือกช่วงปลูกที่มีฝนตกสม่ำเสมอ หากฝนไม่ตกควรรดน้ำจนกว่าต้นกล้าจะตั้งตัวได้
ระยะปลูกที่เป็นมาตรฐาน คือ ระยะ 3 x 3 เมตร จะได้ปริมาณต้นกาแฟ จำนวน 177 ต้นต่อไร่ การปลูกที่มีการวางแผนจะเป็นการปลูกในลักษณะตัดเป็นแถว เรียกว่าการปลูกแบบฮาวาย ซึ่งมีความจำเป็นที่จะต้องจัดระยะชิดกว่าที่กล่าวมา ดังนั้นการเตรียมหลุมปลูก หากมีการไถพรวนอย่างดีก็ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องขุดหลุมให้มีขนาดกว้างมากนัก แต่หากไม่มีการไถพรวนจำเป็นที่จะต้องขุดหลุม ให้มีขนาดกว้าง 50 x 50 x 50 เซนติเมตร แล้วทำการกลบหลุม ในขณะที่มีการเริ่มปลูกควรใส่ปุ๋ยรองหลุม จำนวนประมาณ 200 กรัมต่อหลุม
การให้น้ำ
พื้นที่ปลูกกาแฟที่เหมาะสม ส่วนใหญ่จะอยู่บนพื้นที่ที่มีความสูงในระดับตั้งแต่ 700 เมตรเหนือระดับน้ำทะเลขึ้นไป ซึ่งจะอาศัยน้ำฝนตามธรรมชาติ โดยมีปริมาณน้ำฝนเฉลี่ยต่อปีมากกว่า 1,500 มิลลิเมตร และมีการกระจายของฝนตั้งแต่ระยะเวลา 5 ถึง 8 เดือน ในรอบ 1 ปี นอกจากนั้นยังมีสภาพอากาศหนาวเย็น และมีความชื้นสูง จึงทำให้ไม่จำเป็นต้องอาศัยระบบการให้น้ำกับต้นกาแฟ และหากปลูกกาแฟร่วมกับไม้ผลยืนต้น หรือปลูกกาแฟภายใต้สภาพร่มเงาร่วมกับไม้ป่าโตเร็ว รวมถึงการคลุมโคนต้นก็เป็นหนทางหนึ่งที่จะช่วยให้ผู้ปลูกไม่ต้องพึ่งพาระบบชลประทาน
ข้อพึงระวัง ->
๑. ผลิตเสียหายเนื่องจากแมลงศัตรูพืช ทำลายผลอ่อน
การป้องกันผล ผลิตเสียหาย เนื่องจากภัยธรรมชาติ