ความรู้สัมมาชีพชุมชน

image1

การเลี้ยงหมูหลุม

โดย : นางอนงค์ ธนบัตร วันที่ : 2017-03-24-22:39:47

ที่อยู่ : บ้านเลขที่ 89 หมู่ที่ 8 ตำบลมะมุ อำเภอกระบุรี จังหวัดระนอง 85110 เบอร์โทร 081-0852471

ความเป็นมา / แรงบันดาลใจ / เหตุผลที่ทำ ->

เดิมบ้านบางไทรมีการเลี้ยงหมูเป็นจำนวนมาก แต่เกิดปัญหาการรบกวนจากกลิ่นเหม็นของมูลสุกรรบกวนคนในชุมชน ข้าพเจ้ามีตำแหน่งเป็นประธานกลุ่มเลี้ยงหมูบ้านบางไทร จึงคิดหาวิธีแก้ไขปัญหากลิ่นเหม็นของมูลสุกร จึงทำการศึกษาและเข้าอบรมการเลี้ยงหมูแบบใหม่ คือการเลี้ยงหมูหลุม เน้นการใช้วัสดุที่มีอยู่ตามธรรมชาติและในท้องถิ่นเป็นหลัก หาง่าย ราคาถูก และสามารถนำวัสดุที่เหลือใช้ต่าง ๆ กลับมาใช้ให้เกิดประโยชน์ได้อีก ทำให้ช่วยลดต้นทุนการเลี้ยงสุกรได้ค่อนข้างมาก อีกทั้งเป็นการพึ่งพาอาศัยเกื้อหนุนซึ่งกันและกันระหว่างพืชกับสัตว์ กล่าวคือ เมื่อมีการปลูกพืชเกษตรกรสามารถใช้พืชหรือเศษพืชผัก และผลไม้ต่าง ๆ กลับมาทำเป็นอาหารหมักเลี้ยงหมูหลุมได้ ในทำนองเดียวกันพืชก็สามารถใช้ประโยชน์จากหมูหลุมได้เช่นกัน โดยการใช้วัสดุที่อยู่ในหลุมซึ่งถูกย่อยสลายและหมักโดยจุลินทรีย์กลุ่มที่ให้ประโยชน์ กลายเป็นปุ๋ยหมักอย่างดีนำไปใช้ปรับปรุงบำรุงดิน และเป็นอาหารของพืชได้ ช่วยทำให้การผลิตทั้งพืชและสุกรมีต้นทุนการผลิตลดน้อยลง และที่สำคัญคือการเลี้ยงหมูหลุมสามารถกำจัดเรื่องกลิ่นเหม็นของมูลสุกรได้ นอกจากนี้ยังช่วยเรื่องปัญหาน้ำเสียน้ำเสีย รักษาสภาพแวดล้อม หลีกเลี่ยงการใช้สารเคมีและปฏิชีวนะ ทำให้ได้เนื้อสุกรที่ปลอดภัยจากสารพิษไม่เป็นอันตรายต่อผู้บริโภคและสามารถนำไปปรับใช้กับการทำการเกษตรแบบผสมผสานได้ จึงเป็นที่มาของการเลี้ยงหมูหลุมบางไทรจนถึงปัจจุบัน

วัตถุประสงค์ ->

1. เพื่อกำจัดปัญหากลิ่นเหม็นของมูลสุกร

2. เพื่อสร้างอาชีพสร้างรายได้ลดต้นทุนการผลิต

3. เพื่อรักษาสิ่งแวดล้อม และได้หมูที่ปลอดสารพิษ

วัตถุดิบ (ถ้ามี) ->

1. แกลบ ขี้เลื่อย หรือวัสดุทางการเกษตร ใบไม้แห้ง หญ้าแห้ง ฟางข้าวสับ เศษที่เหลือจากการเพาะเห็ด หรือขยะแห้งที่ย่อยสลายได้

2. ดินแดงหรือดินที่ขุดออกจากหลุม

3. ถ่านไม้

4. เกลือเม็ด

5. เชื้อราขาวที่ได้จากธรรมชาติที่อยู่ตามใต้ต้นไผ่ชนิดต่าง ๆ

6. น้ำหมักจุลินทรีย์จากธรรมชาติทั้งจากพืชและสัตว์

อุปกรณ์ ->

1. จอบ

                   2. บุ๋งกี๋

                   3. โรงเรือน

กระบวนการ/ขั้นตอน->

1.  เตรียมหลุมให้ได้ตามขนาดและจำนวนสุกรที่จะเลี้ยง โดยให้มีความลึก 90 เซนติเมตร

2. ชั้นที่ 1 (ชั้นล่างสุด) ใส่แกลบ ขี้เลื่อย หรือวัสดุอื่น ๆ ที่ย่อยสลายได้ ให้สูงประมาณ 35 เซนติเมตรหรือครึ่งหนึ่งของหลุม ถ้าขนาดหลุม กว้าง 3 ยาว 3 เมตร ลึก 70 เซนติเมตร จะใส่แกลบหรือขี้เลื่อยประมาณ 400 กิโลกรัม

3. ชั้นที่ 2 ใส่ดินแดง หรือดินที่ขุดออกจากหลุม โดยใช้ 10 % ของชั้นที่ 1 หรือ 40 กก. ใส่ให้ทั่ว

4. ชั้นที่ 3 ใส่ถ่านไม้โดยใช้ 10 % ของชั้นที่ 1 หรือ 40 กก. ถ่านไม้ควรทุบให้มีขนาดเล็กที่สุดเท่าที่จะทำได้ใส่ให้ทั่วทั้งหลุม

5. ชั้นที่ 4 ใส่เกลือเม็ดโดยใช้ 1 % ของชั้นที่ 1 หรือ 4 กก. โรยให้ทั่ว

6. ชั้นที่ 5 ใส่มูลสัตว์แห้ง (มูลอะไรก็ได้) โดยใช้ 10 % ของชั้นที่ 1 หรือ 40 กก. ใส่ให้ทั่วทั้งหลุม

7. ชั้นที่ 6 ใส่แกลบหรือขี้เลื่อยลงไปให้เต็มทั้งหลุมอย่าให้มองเห็นขอบหลุม

8. เมื่อใส่วัสดุทุกชนิดครบทุกชั้นแล้ว ให้รดด้วยน้ำหมักจุลินทรีย์จากธรรมชาติทั้ง และเชื้อราขาว ในอัตราส่วน 2 ช้อนโต๊ะต่อน้ำ 10 ลิตร ผสมในบัวเดียวกัน รดให้ชุ่ม

9. เมื่อปฏิบัติทุกขั้นตอนเรียบร้อยแล้ว ทิ้งไว้ 4 วัน แล้วจึงนำหมูลงเลี้ยงได้เลย

10. เมื่อนำหมูลงเลี้ยงแล้ว ให้ใช้น้ำหมักเชื้อจุลินทรีย์ตามข้อ 8 รดหรือราดตามตัวสุกรเพื่อล้างสิ่งปฏิกูลที่ติดมากับตัวสุกร

11. ผสมน้ำหมักจุลินทรีย์ในน้ำดื่มเพื่อให้สุกรดื่มกิน อัตราส่วนตามที่ระบุในแต่ละชนิด

12. จัดสภาพแวดล้อมและโรงเรือนให้โปร่งและระบายอากาศได้ดี

ข้อพึงระวัง ->

1. สถานที่ตั้งโรงเรือนควรเป็นพื้นที่ที่อากาศถ่ายเทได้สะดวก

2. ในการให้อาหารลูกหมู ที่มีมีน้ำหนักตั้งแต่ 15-20 กก. ในช่วงเดือนแรกให้ใช้อาหารเม็ดหมูอ่อนก่อน หลังจากนั้นเมื่อเป็นหมูรุ่น (น้ำหนัก 30-40 กก.) ค่อยเปลี่ยนเป็นอาหารผสมพวกรำ ปลายข้าว และผสมพืชหมัก เศษผักหรือผักต่าง ๆ ในท้องถิ่น

รูปประกอบ -> image1 image2 image3

เว็บไซต์สัมมาชีพชุมชนจังหวัดระนอง
กรมการพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย

โทรศัพท์ :
Email :
ที่อยู่ :

เกี่ยวกับเรา