ข้าวเกรียบฟักทอง
โดย : นางนิเด๊าะ อิแตแล วันที่ : 2017-03-17-13:39:45ที่อยู่ : 67/1 ม.2 ต.บาโงยซิแน องยะหา จ.ยะลา
ความเป็นมา / แรงบันดาลใจ / เหตุผลที่ทำ ->
จากการเล่าขานของคนเก่าคนแก่ในพื้นที่ เมื่อครั้งอดีต ประมาณ 200 กว่าปีมาแล้ว ประชาชนในตำบลบาโงยซิแนส่วนใหญ่อพยพมาจากเมืองเคดะห์(ไทรบุรี) ซึ่งในปัจจุบัน คือ รัฐๆหนึ่ง ของประเทศมาเลเซีย ซึ่งเมื่ออพยพมาอยู่ที่นี่ได้มีการจับจองที่ดินซึ่งส่วนใหญ่ยังเป็นป่าเขารกทึบ จึงทำการบุกเบิกหักร้างถางพง เพื่อปลูกพืชไร่ ส่วนใหญ่เป็นพืชที่ใช้รับประทานเป็นอาหาร ซึ่งในสมัยนั้นยังไม่มีการทำนาข้าวเหมือนในปัจจุบัน จึงปลูกพืชไร่ประเภท ฟักทอง มันต่างๆ ข้าวโพด ไว้รับประทานในครัวเรือน โดยเฉพาะฟักทองจะปลูกรับประทานผลเป็นอาหารหลัก ส่วนยอดก็จะนำมาทำแกง ลวกจิ้มน้ำพริก ทำให้มีการปลูกในทุกครัวเรือนในปริมาณมาก เก็บไว้บริโภคได้ตลอดทั้งปี และด้วยสมัยนั้นยังไม่มีการใช้ปุ๋ยเคมี ยาฆ่าแมลงหรือยาฆ่าวัชพืชแต่อย่างใด สภาพแวดล้อมจึงมีความอุดมสมบูรณ์ บริสุทธิ์สะอาด แมลงศัตรูพืชไม่มีสภาพดื้อยา มีการเกื้อกูลกันระหว่างแมลงกับพืช จึงทำให้ผลผลิตออกมามีความสมบูรณ์เต็มที่ เก็บไว้ได้นานโดยไม่บูดเน่าง่าย ฟักทองที่นิยมปลูกในสมัยนั้นเป็นฟักทองพันธุ์พื้นบ้านดั้งเดิม มีความแข็งแรง ทนต่อโรค และสภาพอากาศร้อน ปลูกได้ในไร่บนเขาโดยไม่ต้องมีการรดน้ำ ออกผลขนาดเล็ก 1-2 กิโลกรัม เปลือกแข็ง ชาวไร่จะเก็บฟักทองเมื่อแก่จัด ต้นแห้งตายแล้ว ซึ่งจะได้ฟักทองที่เนื้อมัน เหนียวหนึบ และเนื่องจากมีผลผลิตฟักทองเป็นจำนวนมาก เหลือจากการบริโภคเป็นอาหารหลัก จึงได้มีการคิดแปรรูปเพื่อการถนอมอาหารอย่างง่ายๆ ด้วยการนำมาต้มให้สุก ผสมแป้ง เติมเครื่องเทศ น้ำตาล เกลือ เพื่อให้ได้รสชาติแปลกออกไปจากรสชาติของฟักทองตามธรรมชาติ และมีการลองผิดลองถูกจนได้ข้าวเกรียบฟักทองที่อร่อยถูกปาก และได้มีการถ่ายทอดกรรมวิธี สู่คนรุ่นหลัง
วัตถุประสงค์ ->
1.เพื่อเป็นการถนอมอาหารเพิ่มคุณค่าทางสารอาหารและเพิ่มมูลค่าแก่ผลผลิตทางการเกษตร
2.เพื่อถ่ายทอดภูมิปัญญาการทำข้าวเกรียบแก่คนรุ่นหลัง
วัตถุดิบ (ถ้ามี) ->
วัตถุดิบ
1.ฟักทองแก่จัด ควักไส้ออก ปอกเปลือก 2 กิโลกรัม
2.แป้งมัน 5 กิโลกรัม
3.แป้งสาลี 1 กิโลกรัม
4.น้ำตาลทราย 8 ช้อนโต๊ะ
5.เกลือป่น 4 ช้อนโต๊ะ
6.กระเทียมตำละเอียด 4 ช้อนโต๊ะ
7.พริกไทยป่น 4 ช้อนโต๊ะ
8.น้ำมันพืช 5 ช้อนโต๊ะ
อุปกรณ์ ->
1.หม้อต้ม
2.กะละมัง
3.เตาถ่านหรือเตาแก๊ส
4.หม้อนึ่ง
5.กระบวยขนาดใหญ่
6.ถาดเหลี่ยมหรือโต๊ะสเเตนเลสเกลี้ยง
7.พลาสติกใสห่อข้าวเกรียบ
กระบวนการ/ขั้นตอน->
1. ล้างฟักทองให้สะอาด ควักไส้ออก ปอกเปลือกออกทั้งหมด
2. นำฟักทองลงไปต้มในน้ำเดือดให้สุกนิ่ม ตักขึ้นสะเด็ดนำ
3. ผสมวัตถุดิบใน ข้อ 2 -6 ให้เข้ากัน พักไว้ก่อน
4. ตำหรือยีฟักทองที่ต้มสุกให้ละเอียด นำไปนวดกับแป้งที่เตรียมไว้ในข้อ 3 หากแป้งแข็งเกินไป
ให้เติมน้ำต้มฟักทองลงไปที่ละน้อยค่อยๆเติม จนแป้งเนียนไม่ติดมือ
5. ปั้นแป้งให้เป็นก้อนกลม จนหมด
6. นำแป้งก้อนกลมในข้อ 5 มากลิ้งบนโต๊ะสแตนเลส หรือในถาด ที่ทาน้ำมันเล็กน้อย(ไม่ให้ติดถาด)
เมื่อได้ขนาดตามต้องการ นำพลาสติกใสที่เตรียมไว้ห่อให้มิด ทำจนหมดจึงนำไปนึ่ง
7. ตั้งหม้อนึ่ง ต้มน้ำให้เดือด เรียงแป้งข้าวเกรียบที่ห่อพลาสติกใส นำไปนึ่งไฟแรง 30 นาที หากซ้อนหม้อนึ่ง 2 ชั้น เมื่อครบ 15 นาที ให้สลับหม้อนึ่งข้างล่างขึ้นข้างบน เพื่อให้ข้าวเกรียบสุกได้ทั่วกัน
8. เมื่อต้มสุกแล้ว ยกขึ้นพักไว้ให้เย็น นำไปแช่ตู้เย็นช่องธรรมดา นาน 24 ชั่วโมง จึงออกมาหั่นบางๆ เท่าๆ
กัน นำไปตากแดดจัดด้วยพลังแสงอาทิตย์ นาน 2 วัน เมื่อแห้งแล้วเก็บใส่ภาชนะที่ปิดมิดชิด
9. นำมาทอดในน้ำมันพืช ไฟปานกลาง ระวังไม่ให้ไหม้ ตักขึ้นสะเด็ดน้ำมัน รอให้เย็นบรรจุหีบห่อ รับประทาน กับกาแฟหรือเครื่องดื่ม ร้อน เย็น ตามใจชอบ
ข้อพึงระวัง ->
1.การนำฟักทองมาทำข้าวเกรียบต้องเลือกผลที่แก่จัด จึงจะได้เนื้อที่มัน เหนียวหนึบ กินอร่อย เนื้อฟักทองที่ไม่แก่จัดไม่ค่อยเหนียว ต้มสุกแล้วเนื้อเละ การเลือกฟักทองเนื้อแน่น หวานมัน ต้องเลือกผลที่หนัก ฟักทองทรงกลมแบน เนื้อหนากว่าทรงกลมแต่โป่งออก ผลแก่จัดแค่ไหนให้สังเกตสีผิว ผลแก่เป็นสีเขียวเข้ม ถ้าแก่จัดเป็นสีแดงออกน้ำตาล บางพันธุ์ผลแก่เป็นสีเขียวลายขาว หรือลายเขียวแซม ถ้าแก่จัดเป็นสีเหลืองแซม ฟักทองคุณภาพดี เป็นลูกขนาดเล็ก ส่วนใหญ่ควรเลือกผลที่น้ำหนักไม่เกิน 3-5 กิโลกรัม
2.หลังจากเก็บข้าวเกรียบออกจากที่ตากใหม่ๆ ไม่ควรนำไปทอดทันที เพราะข้าวเกรียบจะไม่ขยายฟู ควรเก็บข้าวเกรียบแห้งให้คลายความร้อนทั้งหมดเสียก่อน