ความเป็นมา / แรงบันดาลใจ / เหตุผลที่ทำ ->

เบเกอรี่เป็นอาหารอีกประเภทที่ตอบโจทย์กับผู้บริโภคในยุคปัจจุบัน และสามารถตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคได้ทุกช่วงเวลา นอกจากนี้ เบเกอรี่ยังกลายเป็นอาหารที่ต้องถูกนำเข้าไปผสมผสานในงานต่างๆ มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นงานเลี้ยงสังสรรค์ งานสัมมนาวิชาการ ทัวร์บริการท่องเที่ยว หรือแม้แต่งานศพ ทำให้ตลาดเบเกอรี่ยังมีโอกาสขยายตัวได้อีกมากจุดขายที่สำคัญของการทำธุรกิจเบเกอรี่ คือรูปลักษณ์หรือหน้าตาของเบเกอรี่ ข้าพเจ้าจึงอยากนำเสนอเบเกอรี่และขนมที่เป็นจุดเด่นที่ดูสวยงาม โดดเด่น และน่ารับประทานมากที่สุดเพราะรูปลักษณ์หรือหน้าตาของเบเกอรี่จะดึงดูดผู้บริโภคให้สนใจอยากซื้อไปรับประทาน

วัตถุประสงค์ ->

เพื่อเพิ่มรายได้ให้กับครอบครัว และดำเนินชีวิตตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง

วัตถุดิบ (ถ้ามี) ->

แป้งสาลี 1 + 1/2 ถ้วย

น้ำตาล 1 ช้อนโต๊ะ

ผงฟู 2 ช้อนชา

เกลือ 1/2 ช้อนชา

ชีสขูด 2 ถ้วย (แนะนำเชดด้าชีส)

นม 1/2 ถ้วย

โยเกิร์ต 1/2 ถ้วย

 

ไข่ไก่ตีแล้ว 1 ฟอง

เนยละลาย 1/4 ถ้วย

พริกไทยดำป่น

พริกปาปริก้าและชีสขูดสำหรับโรยหน้า

อุปกรณ์ ->

1.  ถ้วยตวง

2. ตราชั่ง

3.  ช้อนตวง

4.  ที่ร่อนแป้ง

 5.  พายยาง

6.  ถ้วยตวงของเหลว

7.  ที่ตีไข่

8.  แปรง

9. สเปตตูล่า  ใช้ปาดเค้ก ย้ายเค้ก

 10.ชุดหัวบีบคุกกี้

11. พิมพ์กดคุกกี้

12. หัวบีบเค้ก /  ก้านร่ม / และหวี หรือไพ่ สำหรับทำลายเค้ก  เป็นอุปกรณ์แต่งหน้าเค้ก

13.  ถาดอบขนาดต่าง ๆ 

14. พิมพ์เค้ก

15. พิมพ์ถาดมัฟฟิน หรือ ถาดหลุม

กระบวนการ/ขั้นตอน->

1.วอร์มเตาอบที่อุณหภูมิ 375°F (190°C) นำถาดมัฟฟินมาทาเนยและโรยด้วยแป้งสาลีเล็กน้อย หรือใช้ถ้วยกระดาษมัฟฟินวางลงในหลุม

2. ในถ้วยผสม ผสมส่วนผสมแห้งคือ แป้งสาลี ผงฟู เกลือ และน้ำตาล ให้เข้ากัน

3. เทชีสและโรยพริกไทยเล็กน้อยลงในถ้วยผสม คนให้เข้ากัน พักไว้

4. อีกถ้วยผสมใบหนึ่ง ผสมโยเกิร์ต นม ไข่ และเนยละลาย ให้เข้ากัน

5. เทส่วนผสมเปียกลงในส่วนผสมแห้ง

6. ตักส่วนผสมลงในถาดมัฟฟิน โรยด้านบนแต่ละหลุมด้วยพริกปาปริก้าและชีสขูด

7. นำถาดมัฟฟินเข้าเตาอบ 20-25 นาที จนมัฟฟินเป็นสีน้ำตาลทอง

ข้อพึงระวัง ->