ความรู้สัมมาชีพชุมชน

image1

ส่งเสริมการปลูกพืชผลทางการเกษตร

โดย : นายประสิทธิ์ โนรี วันที่ : 2017-03-23-15:30:15

ที่อยู่ : 124 ม.5 ต.ดอนตาล

ความเป็นมา / แรงบันดาลใจ / เหตุผลที่ทำ ->

บ้านโพนสว่าง หมู่ที่ 5 ตำบลดอนตาล มีศูนย์เรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียง ระดับอำเภอ โดยมี คุณลุงประสิทธิ์ โนรี เป็นเจ้าของศูนย์ฯ ซึ่งทางศูนย์มีการถ่ายทอดการปลูกพืชผลทางการเกษตรหลากหลายชนิด เช่น กล้วย ผักหวาน มะขามเปรี้ยว ลำใย และการเลี้ยงสัตว์ จึงทำให้ชาวบ้านโพนสว่างให้ความสนใจในการร่วมกลุ่มปลูกพืชผลทางการเกษตร

วัตถุประสงค์ ->

1.เพื่อเพื่มผลผลิตทางการเกษตร

2.เพื่อสร้างรายได้เสริมให้กับชุมชน

3.เพื่อรณรงการดำเนินชีวิตแบบพอเพียง

วัตถุดิบ (ถ้ามี) ->

อุปกรณ์ ->

1.พืชผลทางการเกษตรที่ต้องการปลูก

2.อุปกรณ์ในการปลูก

กระบวนการ/ขั้นตอน->

การปลูกกล้วย

1.ทำการเลือกต้นพันธุ์โดยในที่นี้ขอเสนอให้เลือกต้นพันธุ์จากการเพาะเนื้อเยื่อ จะทำให้กล้วยปลอดโรค และออกลูกได้พร้อมกัน
2.ทำการเตรียมดิน โดยการไถดะด้วยผานสามตากดินประมาณหนึ่งเดือน และไถแปรด้วยผานห้าอีกทีตากดินทิ้งไว้ประมาณหนึ่งเดือน
3.กำหนดระยะและขนาดหลุมปลูก โดยระยะที่เหมาะสมคือ 4x4 เมตร และควรขุดหลุม 50x50x50 เซ็นติเมตร เพราะรัศมีของรากกล้วยจะหากินไม่เกิน 50 เซ็นติเมตร  การขุดหลุมขนาดนี้จะทำให้รากกล้วยหากินได้ไกลขึ้น และความลึกของหลุมจะแก้ปัญหาการขึ้นโคนหรือโคนลอย โดยการปลูกครั้งหนึ่งสามารถเก็บผลผลิตได้ 4-5 ปีเลยทีเดียว ถ้าขุดหลุมขนาดเล็กและตื้นกว่านี้ จะให้ผลผลิตแค่ปีสองปีก็ต้องรื้อปลูกใหม่แล้ว
3.  ใส่ปุ๋ยรองก้นหลุมด้วยปุ๋ยคอกผสมดินประมาณหลุมละ 2 กิโลกรัม รองหนาขึ้นมาประมาณ 30 เซ็นติเมตร แล้วจึงปลูกต้นกล้วยและกลบบริเวณโคนต้นให้แน่น ทำแอ่งดินรอบต้นเพื่อเก็บน้ำรักษาความชื้นของดิน และควรรองก้นหลุมด้วยฟูราดานป้องกันหนอนกอกล้วยประมาณ 1 ช้อนโต๊ะ ต่อหลุม
4.ปลูกเสร็จให้น้ำตามทันทีให้ชุ่มชื้นพอเพียง ไม่เช่นนั้นต้นจะเหี่ยวเฉา ใบแห้งและยุบตัว บางต้นตาย บางต้นแตกต้นใหม่ขึ้นแทนทำให้อายุต้นไม่สม่ำเสมอกัน

5. ในระยะเดือนแรกต้องให้น้ำอย่างสม่ำเสมอ และดินต้องชุ่มชื้นเพียงพอ เป็นเดือนที่ต้องเอาใจใส่อย่างมาก หากเป็นการให้น้ำแบบฝอยหรือมินิสปริงเกลอร์ จะทำให้ต้นตั้งตัวได้เร็ว สามารถสร้างใบและลำต้นใหม่ได้ดี โอกาสรอดสูงกว่าการลากสายยางรดน้ำ และเริ่มให้ปุ๋ยสูตร 15-15-15 หรือ 16-16-16 ประมาณ 100-150 กรัม ต่อต้น หลังปลูกได้ 1 เดือน และเดือนที่ 2 ส่วนเดือนที่ 3 ใช้ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักแทน
ุ6.เดือนที่ 2 และ 3 ต้นกล้วยจะมีต้นและใบใหม่ทั้งหมด ปัญหาคือหญ้าขึ้นคลุมต้น ต้องถากหญ้าบริเวณโคนต้นออกให้หมด

7. เดือนที่ 4 การเจริญเติบโตเร็วมาก ทั้งความสูงและรอบวงต้นใกล้เคียงปลูกจากหน่อพันธุ์ แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับขนาดต้นปลูกเริ่มแรก ถ้าสูง 15 เซนติเมตร ขึ้นไป จะโตทันกัน ถือว่าเดือนนี้เป็นเดือนที่ต้นรอดตายทั้งหมด การดูแลทำเช่นเดียวกับการปลูกด้วยหน่อ โดยให้ปุ๋ย 15-15-15 หรือ 16-16-16 ประมาณ 100-150 กรัม ต่อต้นในเดือนที่ 4 และ 5 ส่วนเดือนที่ 6 ใช้ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักแทนและงดใส่ปุ๋ยจนกว่าจะแทงปลี ถึงจะใส่ปุ๋ยเคมีอีกครั้ง จนกระทั่งหลังเก็บเกี่ยวถึงจะเริ่มให้ปุ๋ยในรอบใหม่

8.ในช่วง 1-6 เดือนหลังปลูกให้ปาดหน่อที่โผล่ออกมาทิ้งไปพอหลังจากอายุ 6 เดือน ให้ไว้หน่อที่ 1 พอหน่อที่ 1 อายุ 3 เดือน ให้ไว้หน่อที่ 2 หลังจากนั้นทุกๆ 3 เดือน ให้ไว้หน่อที่ 3 และ 4, 5 ตาม โดยหน่อที่ขึ้นมาในช่วงที่ไม่ได้กำหนดให้ปาดทิ้งทั้งหมด ปรากฏว่า เมื่อจะไว้หน่อที่ 5 ต้นแม่ก็สามารถเก็บเกี่ยวเครือกล้วยได้แล้ว ฉะนั้นจะกลายว่ากอนั้นมีต้นกล้วย 4 ต้น ที่อายุห่างกัน 3 เดือน โดยมีหน่อที่ 1 ที่อายุห่าง 6 เดือน ดังนั้น เมื่อใช้ระบบนี้ต่อไปหลายๆ ปีจะทำให้กล้วยน้ำว้าในแปลงมีอายุห่าง 3 เดือน”

การปลูกมะขามเปรี้ยว

การเตรียมหลุมเพื่อปลูก มะขามเปรี้ยว นั้นควรให้มีระยะห่าง 10 x 10 เมตร หรือ 5 x 5 วา ที่ 1 ไร่ จะปลูกได้ 16 ต้น (ปลูกให้ห่างจากริมรั้ว 6 เมตร) โดยขุดหลุมลึก 50 กว้าง 60 ซม. หรือ มากกว่า (ยิ่งกว้างยิ่งลึกก็ยิ่งดีรากจะไปได้เร็วต้นโตเร็วและให้รองก้นหลุมด้วยขี้วัว หรือ เศษหญ้า ใบไม้ ปุ๋ยหมัก อะไรก็ได้เพื่อให้มีปุ๋ยใต้ดิน แล้วปล่อยน้ำใส่หลุมให้เปียกชุ่มหรือให้ฝนตกใส่หลุมให้เปียกชุ่มเสียก่อน ทางด้านการปลูกนั้นต้องปลูกให้ผ้าทาบอยู่เหนือดิน และปักไม้ค้ำต้นให้แน่นๆ กันลม ใช้เชือกฟาง มัดหลวมๆ รดน้ำให้เปียกฉ่ำหรือปลูกตอนฝนตก เมื่อปลูกได้ 20 วัน ก็ให้แกะผ้าทาบออกและในช่วงแรกๆ ควรใส่ใจเรื่องน้ำหลังจากนั้นค่อยทิ้งช่วง 

การปลูกผักหวาน

1. เลือกใช้ต้นพันธุ์จากการเพาะเมล็ดมาปลูก จะให้ผลผลิตดีและอายุยืนกว่า แบบกิ่งตอน 

 2. ปลูกพืชพี่เลี้ยงไว้ก่อนที่จะปลูกต้นผักหวานป่า เช่น ต้นมะขามเทศ,ชะอม,,โสน,กระถิน,ต้นแค ฯลฯ พืชที่กล่าวมานี้จัดเป็นพืชตระกูลถั่วทั้งหมด เลือกปลูกอย่างใดอย่างหนึ่งหรือจะหลายอย่างก็ได้... สำหรับเราเลือกใช้ต้นแค ซึ่งปลูกไปพร้อมๆกับต้นผักหวาน และต้นมะขามเทศ (ต้นมะขามเทศนี่ ปลูกล่วงหน้ามาก่อนนานแล้ว)  เป็นพืชพี่เลี้ยง

3.เลือกทิศทางที่จะปลูกให้เหมาะสมตามสภาพของแสงแดด ต้นผักหวานป่านั้นไม่ชอบแดด ชอบอยู่ใต้ร่มเงาไม้ใหญ่ มีแสงรำไร

4.ระยะห่าง ระหว่างต้นและระหว่างแถว ~  2 x 2 เมตร

5.ขุดหลุมปลูก กว้าง และ ลึก เท่ากับขนาดของถุงต้นพันธ์ุ แล้วผสมปุ๋ยคอก( 2-3 กำมือ/ต้น) กับดิน ใส่รองก้นหลุมไว้

6.เตรียมนำต้นพันธุ์ลงหลุมปลูก โดย ใช้กรรไกรตัดโดยรอบก้นถุง แล้วค่อยๆแกะถุงพลาสติกด้านล่างออกเท่านั้นตรงนี้ต้องระวังให้มากเป็นพิเศษเพราะปลายของรากแก้วจะมาขดตัวอยู่ในซอกมุมของถุง ถ้ารากแก้วหักหรือขาดโอกาสที่ต้นผักหวานป่าจะตายมีสูง แต่ถ้าเกิดพลาดทำรากขาดไปบ้าง ก็ปลูกไปเถอะ..เผื่อรอด ! ..ค่อยๆหย่อนต้นพันธุ์ลงหลุมโดยที่ไม่เอาถุงดำออก คือ ปลูกไปทั้งถุงนั่นแหละ มันอาจจะดูแปลกๆสักหน่อย แต่ตรงนี้นี่แหละที่เป็นเทคนิค...ที่ทำให้ต้นผักหวานของเรา รอดตายมาได้เกือบทุกต้น... ไม่ต้องกลัว เมื่อเวลาผ่านไป ถุงพลาสติกจะค่อยๆเปื่อยสลายไปเอง.

7.หาเศษใบไม้แห้ง หรือฟางข้าวมาคลุมโคนต้นไว้เพื่อรักษาความชื้น หลังจากนั้นต้องหาวัสดุอะไรก็ได้เช่น ตะเข่ง,ตะกร้า,แสลน  มาคลุมไว้ เพื่อช่วยบังแสงในช่วงบ่าย ต้นผักหวานจะไม่เหี่ยวเฉาเลยแม้แดดจะร้อนมากเพียงใด ของเราใช้ตะกร้าพลาสติก ควรครอบไว้จนกว่าต้นผักหวานจะมีอายุได้อย่างน้อย 6 เดือนก็เอาออกได้

ข้อพึงระวัง ->

รูปประกอบ -> image1 image2 image3

เว็บไซต์สัมมาชีพชุมชนจังหวัดมุกดาหาร
กรมการพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย

โทรศัพท์ :
Email :
ที่อยู่ :

เกี่ยวกับเรา