ความรู้สัมมาชีพชุมชน

image1

เกษตรผสมผสาน

โดย : นายไพศาล ตีนา วันที่ : 2017-03-15-13:22:34

ที่อยู่ : บ้านเลขที่ ๑๑๑ หมู่ ๖ ตำบลนาโพธิ์ อำเภอกุดรัง จังหวัดมหาสารคาม

ความเป็นมา / แรงบันดาลใจ / เหตุผลที่ทำ ->

              เริ่มจากการได้พิจารณาครอบครัวตัวเอง ว่าทำไมทำการเกษตรมาตลอดชีวิต พื้นที่เพาะปลูกก็มีไม่น้อย ทำทั้งปลูกข้าว ปลูกพืชเศรษฐกิจอย่างมันสำปะหลัง อ้อย ตลอดปีก็ไม่ได้หยุดพักแต่อย่างใด แต่ทำไมครอบครัวยังเป็นหนี้อยู่ ซึ่งสาเหตุก็น่าจะมาจาก วิธีทำการเกษตรและพืชที่ปลูก เพราะพืชนเศรษฐกิจอย่างมันสำปะหลัง อ้อย ราคาไม่แน่นอน บางปีก็ขายได้ราคาดี บางปีผลผลิตออกพร้อมกันจำนวนมากจนล้นตลาด พ่อค้าก็กดราคาลงเรื่อยๆ แต่ถึงอย่างไรเราก็ต้องขายเพราะมีภาระหนี้สินรายปีที่กู้มาลงทุน จึงทำให้ขาดทุน จึงคิดว่าถ้าทำอยู่เหมือนเดิมมันก็ยังเป็นวัฏจักรเดิม

              ได้ศึกษาหาข้อมูลเกี่ยวกับการทำเกษตรทฤษฎีใหม่ และปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ของในหลวง รัชกาลที่ ๙ จึงเกิดความสนใจและเริ่มทำเกษตรแบบผสมผสาน โดยการแบ่งพื้นที่ปลูกข้าวและพื้นที่ปลูกมันสำปะหลังลงส่วนหนึ่ง แล้วทดลองทำเป็นไร่นาสวนผสมตามเกษตรทฤษฎีใหม่ ใช้สัดส่วน ๓๐-๓๐-๓๐-๑๐ ขุดบ่อน้ำเลี้ยงปลา ปลูกพืชหลายอย่างที่กินได้ พืชผักสวนครัว ปลูกไม้ยืนต้น ปลูกข้าว และหมุนเวียนปลูกพืชผักหลายอย่าง และที่สำคัญพืชผักที่ปลูกนั้นต้องปลอดสารเคมี เพราะเรากินก็ปลอดภัย และขายก็ได้ราคาดีกว่า การทำเกษตรผสมผสานก็ทำให้มีพืชผัก มีปลา กบไว้กินและจำหน่ายตลอดปี  

วัตถุประสงค์ ->

๑) เพื่อให้มีผลผลิตจำหน่ายและเกิดรายได้ตลอดปี   

๒) เพื่อให้ครอบครัวพออยู่พอกินพึ่งตนเองได้ โดยไม่ต้องเป็นหนี้สิน

๓) เพื่อเป็นต้นแบบให้คนในชุมชนได้หันมาสนใจแนวคิดเกษตรผสมผสาน

วัตถุดิบ (ถ้ามี) ->

๑) เมล็ดพันธุ์พืชต่างๆ เมล็ดพันธุ์ข้าว (มีทั้งข้าวเหนียวและข้าวจ้าว ได้แก่ ข้าวเหนียว กข ๖ ข้าวเหนียวดำ ข้าวหอมมะลิ 105 และข้าว กข 15 และข้าวไรซ์เบอร์รี่)

2) ปุ๋ยคอก

๓) ปุ๋ยอินทรีย์

๔) น้ำหมักสมุนไพรไล่แมลง

อุปกรณ์ ->

๑) เทคโนโลยีที่เหมาะสม ได้แก่ รถไถ รถเกี่ยว

๒) เสียม จอบ

๓) ผ้ามุ้งเขียว ผ้าสแลนด์กันแด

กระบวนการ/ขั้นตอน->

การทำเกษตรผสมผสาน แบ่งพื้นที่เป็น ๔ ส่วน อัตราส่วนโดยประมาณ ๓๐-๓๐-๓๐-๑๐ หรือให้มีความเหมาะสม

              ส่วนที่หนึ่ง  ๓๐% ขุดบ่อเก็บกักน้ำไว้สำหรับปลูกพืชผัก และในบ่อก็เลี้ยงปลาหลายชนิด และเลี้ยงกบและปล่อยธรรมชาติ

              ส่วนที่สอง ๓๐% ปลูกนาข้าว

              ส่วนที่สาม ๓๐% ปลูกพืชสวนพืชไร่ เช่น พืชผักสวนครัว ไม้ยืนต้น ไม้ผล ที่สามารถเก็บขายได้ เป็นการเสริมรายได้ ซึ่งพืชที่ปลูกมีต้นไผ่ ใช้ได้ทั้งไม้ไผ่ กินและขายหน่อไม้ และได้ลองทำน้ำจากต้นไผ่ ตลอดทั้งขยายพันธุ์ต้นไผ่ขาย ปลูกมะม่วง ปลูกผักสวนครัว ผักที่เป็นไม้ใหญ่อย่างต้นดอกแคบ้าน แคป่า

              ส่วนที่สี่ ๑๐% เป็นสิ่งปลูกสร้าง เช่น สร้างที่อยู่อาศัย สร้างคอกไก่ คอกเป็ด ซึ่งตนได้ใช้พื้นที่บนขอบสระเพื่อสร้าง และที่เหลือก็ปลูกผัก โดยใช้ประโยชน์ได้ทุกพื้นที่

ข้อพึงระวัง ->

             การปลูกพืชหรือเลี้ยงสัตว์ทุกอย่างควรเป็นวิธีการแบบปลอดสารเคมี ใช้ปุ๋ยคอกจากสัตว์ที่เลี้ยง ปุ๋ยหมักซึ่งทำเองได้จากวัสดุธรรมชาติ และน้ำหมักสมุนไพรที่ไล่แมลงได้ ควรหลีกเลี่ยงหรือไม่ใช้สารเคมีเลย เพื่อได้บริโภคพืชผักที่ปลอดสารเคมี และขายก็ได้ราคาสูง

รูปประกอบ -> image1 image2

เว็บไซต์สัมมาชีพชุมชนจังหวัดมหาสารคาม
กรมการพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย

โทรศัพท์ :
Email :
ที่อยู่ :

เกี่ยวกับเรา