ความรู้สัมมาชีพชุมชน

เลี้ยงกบ

โดย : นายพิทักษ์ บุตตะกาศ วันที่ : 2017-08-30-18:11:43

ที่อยู่ : 105 ม.9 บ.น้ำเกลี้ยง ตประชาพัฒนา

ความเป็นมา / แรงบันดาลใจ / เหตุผลที่ทำ ->

- เนื้อกบสามารถนำมาประกอบอาหารได้หลายอย่างไม่ว่าจะเป็นผัด  แกง  ต้มเป็นต้น  กบเนื้อสามารถเลี้ยงไว้ภายในบริเวณบ้าน  ใช้พื้นที่ในการเลี้ยงไม่มาก  ดูแลง่าย  มีระยะเวลาตั้งแต่ไข่จนถึงตัวเต็มไวไม่เกิน 90 วัน เจ้าของบ้านก็สามารถนำมาประกอบอาหารเพื่อบริโภคได้

            ดังนั้น กบเนื้อจึงจัดได้ว่าเป็นสัตว์ที่นำมาประกอบอาหารได้หลายอย่าง  สามารถเลี้ยงได้ง่าย  ทีมวิทยากรสัมมาชีพชุมชนระดับหมู่บ้านราษฎร์พัฒนา  จึงได้เสนอโครงการฯ  ตามผลการทำประชาคม  เพราะจะทำให้สมาชิกมีกบเนื้อไว้บริโภค  เหลือก็สามารถจำหน่าย เป็นการลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ให้กับครอบครัวได้

วัตถุประสงค์ ->

- เพื่อให้สมาชิกสามารถเลี้ยงกบเนื้อได้                                              

- เพื่อให้สมาชิกมีกบเนื้อไว้บริโภคในครัวเรือนได้                                        

- เพื่อลดรายจ่าย และสามารถเพิ่มรายได้โดยการนำไปจำหน่ายได้

วัตถุดิบ (ถ้ามี) ->

   -พ่อพันธุ์แม่พันธุ์กบ

   -จุลินทรีย์ (อีเอ็ม)

   -หัวอาหารกบ

อุปกรณ์ ->

-บ่อซิเมนต์ หรือกระชังสำเร็จรูปสำหรับเลี้ยงกบ

กระบวนการ/ขั้นตอน->

 1. การเลี้ยงกบควรเลือกพื้นที่เป็นที่สูงหรือที่ดอน มีลักษณะราบเสมอ ใกล้แหล่งน้ำ เพื่อสะดวกต่อการถ่ายเทน้ำ แต่ควรให้ห่างจากถนนเพื่อป้องกันเสียงรบกวน 

          2. สร้างบ่อซีเมนต์ขนาดกว้าง 1 เมตร ยาว 1.5 เมตร สูง 1 เมตร เพื่อใช้เพาะพันธุ์กบ จำนวน 1 บ่อ และสร้างบ่อขนาดกว้าง 3 เมตร ยาว 4 เมตร จำนวน 3 บ่อ โดยก่อแผ่นซีเมนต์และฉาบด้วยปูนซีเมนต์ ปูนที่ฉาบควรหนาเป็นพิเศษ ตรงส่วนล่างที่เก็บขังน้ำสูงจากพื้น 1 ฟุต พื้นล่างเทปูนหนาเพื่อรองรับน้ำ และมีท่อระบายน้ำอยู่ตรงส่วนที่ลาดที่สุด 

         3. พันธุ์กบที่จะเพาะเลี้ยง ควรเลือกกบนา เพราะเจริญเติบโตเร็ว และเป็นที่นิยมของผู้บริโภค กบนาตัวผู้มีขนาดเล็กกว่าตัวเมีย เมื่อจับพลิกหงายขึ้นจะเห็นกล่องเสียงอยู่ใต้คางแถวมุมปากส่วนตัวเมียมองไม่ เห็นกล่องเสียง

การเพาะพันธุ์กบ 

             ล้างบ่อซีเมนต์ให้สะอาด ใส่น้ำลงไปให้ได้ความลึกประมาณครึ่งฟุต แล้วหาวัชพืชน้ำมาใส่ไว้เพื่อให้ไข่กบเกาะ จากนั้นนำพ่อพันธุ์-แม่พันธุ์กบ 1คู่มาใส่ไว้รวมกันประมาณ 2-3 คืน กบจะผสมพันธุ์และวางไข่ในช่วงเวลา 04.00-06.00 น. เมื่อเห็นว่ากบออกไข่แล้วให้นำพ่อพันธุ์-แม่พันธุ์ออกจากบ่อ เพื่อป้องกันไม่ให้แพไข่แตก 


การอนุบาลลูกกบวัยอ่อน 

            เมื่อไข่กบฟักออกเป็นตัวอ่อนแล้ว ช่วง 2 วันแรกไม่ต้องให้อาหาร เพราะลูกอ๊อดยังใช้ไข่แดงที่ติดมาเลี้ยงตัวเอง หลังจากนั้นจึงเริ่มให้อาหารเม็ดสำหรับลูกกบวันละ1 ครั้ง ครั้งละประมาณ 1 กำมือ หรืออาจให้ไข่แดงบดเป็นอาหารแทนก็ได้ ซึ่งเฉลี่ยแล้วใช้วันละ 2-3 ฟองต่อลูกอ๊อด 1 ครอกเมื่อลูกอ๊อดมีอายุ 20-30 วัน จึงเป็นลูกกบเต็มวัย ในช่วงนี้ต้องนำไม้ไผ่มาทำเป็นแพหรือแผ่นโฟมลอยน้ำเพื่อให้ลูกกบเต็มวัยขึ้น ไปอาศัยอยู่ เพราะลูกอ๊อดจะโตเต็มวัยไม่พร้อมกัน อาจมีการรังแกกันจนเกิดแผลทำให้ลูกกบตายได้ ดังนั้น จึงต้องลงมือคัดลูกกบขนาดตัวยาว 2 เซนติเมตร ไปเลี้ยงในบ่อที่เตรียมไว้ บ่อละ 1,000 ตัว 

การดูแลและเลี้ยงกบเต็มวัยจนเป็นกบโต 

           เมื่อคัดลูกกบนำไปเลี้ยงในบ่อแล้ว ใส่วัชพืชน้ำและวัสดุลอยน้ำลงไป เช่น แพไม้ไผ่หรือแผ่นโฟม เพื่อให้กบขึ้นไปอาศัยอยู่ และนำทางมะพร้าวมาคลุมบ่อเพื่อบังแดดด้วยในช่วงที่คัดลูกกบลงบ่อซีเมนต์ใหม่ ๆ นี้ ให้ใช้อาหารเม็ดสำหรับเลี้ยงลูกกบไประยะหนึ่งก่อนเมื่อกบโตขึ้นจึงค่อยให้ อาหารเม็ดสำหรับเลี้ยงกบโตวันละ 2 ครั้ง เช้า-เย็น ในอัตรา 3% ของน้ำหนักตัวกบ คือ ถ้ากบน้ำหนัก 100 กิโลกรัม ก็ให้อาหารวันละ 3 กิโลกรัมในขั้นตอนนี้ใช้เวลาเลี้ยงประมาณ 3 เดือน ก็สามารถจับกบจำหน่ายได้ 

ข้อแนะนำ

          1. การเลี้ยงกบต้องระวังเรื่องความสะอาดขณะสูบบุหรี่ใกล้บริเวณบ่อ  ระวังอย่าให้ขี้บุหรี่ตกลงไปในบ่อเด็ดขาด เพราะลูกกบจะตายยกบ่อ 
          2. การเลี้ยงกบ  ต้องคัดลูกกบขนาดเท่ากันไปเลี้ยงในบ่อเดียวกันห้ามเลี้ยงลูกกบคนละขนาดเด็ด ขาด เพราะลูกกบจะกินกันเอง 
          3. การเลี้ยงกบควรกะระยะเวลา 4 เดือน ในการจับจำหน่าย อย่าให้ตรงกับช่วงฤดูฝน เพราะกบราคาถูก 
          4.  อาหารกบ นอกจากอาหารเม็ดแล้ว  สามารถใช้เนื้อปลาสับหรือเนื้อหอยโข่งก็ได้ 
          5. ก่อนที่จะปล่อยแม่พันธุ์กบลงผสมพันธุ์ ต้องสังเกตแม่พันธุ์กบว่าตัวเริ่มฝืด มีปุ่มหนาม แสดงว่าพร้อมจะผสมพันธุ์ หากปล่อยลงไปแล้ว 2-3 วัน ยังไม่เห็นไข่กบก็จับพ่อพันธุ์-แม่พันธุ์มาแยกเลี้ยงอีกระยะหนึ่ง แล้วค่อยนำมาผสมพันธุ์ใหม่

ข้อพึงระวัง ->

1. กบมักจะมีกลิ่นเหม็นอับ หรือมีกลิ่นปูนติดตัวมาด้วย ขาดความเป็นธรรมชาติเล็กน้อย
2. ถ้าทำขอบบ่อไม่เรียบ มักเกิดปัญหาโรคกบเป็นแผล จากการกระโดดชนผนังปูน

เว็บไซต์สัมมาชีพชุมชนจังหวัดมหาสารคาม
กรมการพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย

โทรศัพท์ :
Email :
ที่อยู่ :

เกี่ยวกับเรา