ความเป็นมา / แรงบันดาลใจ / เหตุผลที่ทำ ->

          เกิดจากที่ประกอบอาชีพทำการเกษตร ปลูกผัก ผลไม้ เป็นสวนแบบเศรษฐกิจพอเพียง บริเวณรอบๆ บ้าน ซึ่งมีบริเวณกว้าง สามารถปลูกพืชได้หลายชนิด จนกลายเป็นจุดเรียนรู้ในหมู่บ้าน มีผู้สนใจหลายคนจากในและนอกชุมชนเดินทางมาแลกเปลี่ยนเรียนรู้กันอยู่อย่างสม่ำเสมอ จึงได้ถ่ายทอดความรู้ให้แก่ผู้ที่สนใจและทำเพื่อจำหน่ายด้วย

วัตถุประสงค์ ->

1. เพื่อจำหน่าย

2. ใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์

3. นำไปใช้เอง ลดต้นทุนการผลิต

วัตถุดิบ (ถ้ามี) ->

1. ใบไม้ผุ เช่น ใบก้ามปู มีการระบายน้ำดี มีธาตุไนโตรเจนสูงและมีสารอาหารอื่น ๆ ที่พืชต้องการอีกมากมาย

2. ปุ๋ยอินทรีย์ ได้แก่ ปุ๋ยคอก ปุ๋ยหมัก ช่วยให้วัสดุปลูกอุ้มน้ำ ร่วนซุย อากาศถ่ายเทได้ดี ทั้งยังมีการปลดปล่อยธาตุอาหารให้พืชอย่างต่อเนื่อง

3. กาบมะพร้าวสับหรือขุยมะพร้าว หาง่าย ไปที่ไหนก็เจอ แถมราคาไม่แพง ช่วยให้วัสดุปลูกโปร่งและร่วนซุย อุ้มน้ำได้ดี

3. ขี้เถ้าแกลบ น้ำหนักเบา ราคาถูก เมื่อผสมกับดินทำให้ดินเบา ระบายน้ำดี ผสมกับดินเหนียวทำให้ร่วนซุยมากขึ้น ใช้เป็นวัสดุปลูกกล้าบางชนิดและปักชำ ก่อนใช้ควรล้างน้ำเพื่อให้ความเป็นกรดเป็นด่างลดลง

4. แกลบดิบ มีความพรุนสูง โปร่งเบา จึงถ่ายเทอากาศได้ดี แถมยังช่วยอุ้มน้ำ รักษาความชุ่มชื้นในดินอีกด้วย

อุปกรณ์ ->

พลั่ว จอบ ถุงสำหรับใส่ดิน

กระบวนการ/ขั้นตอน->

ก่อนที่จะผสมดินสิ่งแรกที่ควรรู้เลยก็คือเรื่องของดิน ดินโดยทั่วไปนั้นยังไม่เหมาะที่จะนำมาเพะปลูกผัก โดยเฉพาะการปลูกผักในกระถางเพราะว่าเป็นพื้นที่จำกัด อาหารที่พืชจะได้ก็มีน้อยมากถ้าเราไม่ปรุงดินก่อนแล้วธาตุอาหารในดินจะไม่เพียงพอกับผักที่เราปลูกด้วยเช่นกัน ดินแบ่งเป็น 3 ชนิดใหญ่ ๆด้วยกันคือ

ดินเหนียว เป็นดินที่มีลักษณะเหนียวเหมือนกับชื่อของมันจะมีเนื้อดินที่ค่อนข้างละเอียดและดูดซับน้ำได้ดีแต่ระบายน้ำไม่ดี ถ้าเป็นดินเหนียวเราจะต้องผสมอินทรียวัตถุอย่างทราย หรือขี้เถ้าแกลบลงไป เพื่อให้ดินเหนียวมีช่องว่างของดินเพื่อที่จะให้ดินเหนียวมีลักษณะการระบายน้ำที่ดีขึ้น รวมถึงควรเพิ่มปุ๋ยหมักและปุ๋ยคอกลงไปด้วย แต่ดินเหนียวจะเป็นดินที่มีธาตุอาหารสูงที่สุดในบรรดาดินทั้งหมด

ดินทราย เป็นดินที่มีธาตุอาหารที่น้อยมาก แต่คุณสมบัติของดินทรายนั้นจะเด่นเรื่องของการระบายน้ำที่ดี ซึ่งข้อดีนี้ก็เป็นข้อเสียไปในตัวเหมือนกันเพราะว่าดินทรายไม่สามารถที่จะอุ้มน้ำได้เราจึงต้องผสมอินทรีย์สารที่สามารถมีคุณสมบัติอุ้มน้ำได้ เช่น ขุยมะพร้าว และขี้เถ้าแกลบ และอีกเช่นเคยอย่าลืมเติมส่วนผสมสุดท้ายนั้นก็คือปุ๋ยหมักและปุ๋ยคอก

ดินร่วน ซึ่งเป็นดินที่อยู่ระหว่างกึ่งกลางระหว่างดินทรายกับดินเหนียว ซึ่งคุณสมบัติของดินชนิดนี้จะเหมาะกับการปลูกพืชได้ทุกชนิดซึ่งรวมถึงปลูกผักด้วยเช่นกัน คุณสมบัติของดินร่วนนั้นคือสามารดูดซับน้ำได้ปานกลาง มีความอุดมสมบูรณ์ของธาตุอาหารที่สูง

สูตรการผสมดิน

สูตรที่ 1 

นำใบมะขาม ใบกระถิน ใบขี้เหล็ก ใบจามจุรี ใบโสนและใบแค ที่ร่วงแล้วมากองรวมกัน และรดน้ำให้ชื้นภายใน 7-10 วัน จะเปื่อยยุ่ย สามารถนำมาผสมกับดินปลูกในกระถาง หรือนำไปหว่านโรยรอบต้นพืชที่ปลูก ถือเป็นการกำจัดเศษใบไม้ใต้ต้นได้ดี กรณีต้องการให้มีคุณภาพดีขึ้น ให้กองรวมกับปุ๋ยคอก โดยใช้อัตราส่วน เช่น ใบจามจุรี 4 ส่วน : ปุ๋ยคอก 1 ส่วน เป็นต้น

                   สูตรที่ 2 

นำใบมะขาม ใบชมวง ใบมะกอกไทย และใบชมพู่ โดยนำมาหมักให้เน่าเปื่อย หรือเก็บรวมใส่ถุงขยะสีดำปิดปากถุงทิ้งไว้ 7 วันเพื่อให้เน่าเปื่อย ใบไม้หมักเหล่านี้จะมีความเป็นกรด เหมาะสำหรับดินปลูกไม้ประดับหรือใบไม้ที่มีสี เช่น โกสน บอนสี และช่วยให้ใบและดอกสีเข้มขึ้น

                   สูตรที่ 3 

นำต้น ใบ และรากของผักตบชวา มาสับให้เป็นท่อน ๆ กองรวมกันให้เหี่ยวสัก 2-3 วันราดด้วยน้ำปุ๋ยคอก คลุมด้วยกระสอบประมาณ 7-10 วัน ผักตบจะเหี่ยวยุบตัวลงและมีธาตุอาหารที่สมบูรณ์ สามารถนำไปใส่แปลงผัก หรือผสมดินที่ปลูกต้นไม้ได้

สูตรที่ 4 

เปลือกถั่วลิสงนำมากองหมักไว้สัก 3 สัปดาห์ จนเปื่อยยุ่ย นำไปรองก้นหลุม เพื่อปลูกไม้ผล

หรือผสมดินปลูกต้นไม้ จะช่วยให้ดินร่วนซุยมีความสมบูรณ์

 สูตรที่ 5 

นำละอองข้าวที่เกิดจากขัดสีข้าวเปลือกจะเป็นส่วนเนื้อเยื่อหุ้มเมล็ดข้าว จมูกข้าวและรำ โดยนำละอองข้าวนี้มาแช่น้ำ 1-2 วัน แล้วนำน้ำหมักที่ได้ไปรดต้นไม้ โดยเฉพาะผักกินใบ ซึ่งจะทำให้ใบมีสีเขียวเข้ม ยอดและใบจะอวบน่ารับประทาน

สูตรที่ 6 

นำเปลือกกล้วยชนิดใดก็ได้ มาหั่นเป็นท่อน ๆ แล้วตากแดดให้แห้ง นำไปผสมดินปลูก หากนำไปใช้กับกุหลาบจะช่วยให้ออกดอกสีสันสวยงาม
 

สูตรที่ 7 ดินปลูกต้นไม้ทั่วๆไป

1. ดินร่วน 1 ส่วน

2. ใบไม้ผุ 1 ส่วน

3. ปุ๋ยหมักหรือปุ๋ยเทศบาล 1 ส่วน

สูตรที่ 8 ดินปลูกไม้ดอกกระถาง

1. ดินใบก้ามปู 1 ส่วน

2. ปุ๋ยคอก (เก่าๆ) 1 ส่วน

3. ดินร่วน 1 ส่วน

4. กาบมะพร้าวสับ 1 ส่วน

ข้อพึงระวัง ->