ความเป็นมา / แรงบันดาลใจ / เหตุผลที่ทำ ->

เคยมีอาชีพรับจ้างทั่วไปในบริษัทเอกชนที่กรุงเทพฯ ได้เห็นโรงงานตัดเย็บเสื้อผ้าสำเร็จรูป    

      นำเศษผ้าไปทิ้งเป็นขยะ เกิดความรู้สึกเสียดายจึงนำมาเก็บไว้ในที่พักคนงานและพยายามลองทำเป็นของใช้เพื่อขาย ลอง

      ต่อเป็นชิ้นใหญ่เย็บเป็นเสื้อผ้า ไม่เป็นผลสำเร็จเนื่องจากไม่มีความรู้ในการตัดเสื้อ และไม่มีจักรเย็บผ้า ได้ลองเย็บเป็น   

      รองเท้าใส่ใน บ้านเย็บด้วยมือ นำออกขายหลังเลิกงาน และลองประดิษฐ์เป็นของใช้ขายเพื่อเพิ่มรายได้ สุดท้ายได้ทดลอง   

      เย็บเป็นพรมเช็ดเท้า แต่ก็เย็บด้วยมือ มีคนสนใจซื้อไปใช้เพิ่มมากขึ้น จึงซื้อจักรเย็บผ้า ทำมากขึ้น ที่พักจึงรก  เป็นการ   

      สร้างความเดือดร้อนให้ผู้อื่น ประกอบกับมารดาแก่ชราไม่มีใครดูแล จึงกลับมาอยู่บ้านเกิด ตั้งหน้าเย็บพรมเช็ดเท้า   

      จำหน่ายเป็นอาชีพหลัก เมื่อมีลูกค้าเพิ่มมากขึ้น ได้สมัครสมาชิก  จัดตั้งกลุ่ม และสอนให้เย็บพรมเช็ดเท้า พัฒนารูปแบบ   

      และฝีมือการเย็บขึ้นเรื่อยๆ มีตลาดรับซื้อในต่างจังหวัดและ กทม.หลายแห่ง ปัจจุบันเรียกพรมเอนกประสงค์ เพราะผลิต 

      ให้ใช้ประโยชน์ได้หลายอย่าง เช่นเป็นที่รองแจกัน  รองแก้ว  โชว์บนโต๊ะ  โชว์บนฝาผนังเป็นต้น

วัตถุประสงค์ ->

เพื่อเผยแพร่การผลิตพรมเช็ดเท้า ทำเป็นอาชีพเสริม

วัตถุดิบ (ถ้ามี) ->

1.เศษผ้าทั่วๆไป                                                 

          2. เศษผ้าสี      

          3  ด้าย

          4. ผ้าเนื้อหนาสำหรับทำพื้นพรม

อุปกรณ์ ->

1. จักรเย็บผ้า   

          2. เข็มจักร      

          3. เข็มร้อยมาลัย

          4. กรรไกร

กระบวนการ/ขั้นตอน->

1. การเลือกเศษผ้า ต้องเป็นผ้าเนื้อไม่แข็งหนา หรือบางเกินไป เพราะผ้าเนื้อบาง ลื่นเย็บได้

รูปแบบที่ไม่สวย และควรเป็นผ้าเนื้อคอตตอน ผสมโทเร ที่มีความเป็นกลาง เพราะเย็บง่าน พับจีบดอกฟู

สวยและซับน้ำได้ดี

                   2..คัดแยกสีผ้า 

                   3. ตัดผ้าเป็นชิ้นสี่เหลี่ยมเท่าๆกัน  แล้วพับจีบใช้เข็มร้อยมาลัยกับเส้นด้ายร้อยไว้เป็นสายๆ

                        โดยแยกสีออกจากกัน

                   4. ตัดพื้นพรม หรือฐานพรม ทำจากผ้าเนื้อหนา เช่นผ้ายีนส์ , ผ้าเวสป้อยด์ , หรือผ้าเคมีแข็ง

                   5. ออกแบบการเย็บรูปแบบต่างๆบนฐานพรม เช่น รูปดอกไม้  รูปกังหัน  รูปดาว  รูปหน้า   

                         สัตว์ ฯลฯ

                   6. ลงมือเย็บตามแบบ โดยใช้เทคนิคการสลับสีแบบกลมกลืน  หรือสลับสีตรงข้ามตามที่ลูกค้าต้องการ

                   7 .นำผลผลิตที่ได้ออกสู่ตลาดรับฟังความต้องการของลูกค้า มีการพัฒนาปรับปรับรูปแบบ  สีสรร และ

ประโยชน์ใช้สอยขึ้นเรื่อยๆ

ข้อพึงระวัง ->

ต้องผลิตสินค้าที่มีความหลากหลาย ทั้งรูปแบบ  สีสัน  ราคา  ประโยชน์ใช้สอยจะได้ลูกค้าหลายกลุ่ม   และได้สมาชิก

ที่มีฝีมือต่างกันอยู่รวมกลุ่มกันได้ การบริหารบิหารและพัฒนาคน จึงมีความสำคัญเท่ากับการบริหารการพัฒนา

ผลิตภัณฑ์