การปลูกพลู
โดย : นายสุนันท์ มุขตา วันที่ : 2017-05-08-12:24:00ที่อยู่ : บ้านเลขที่ 22 หมู่ที่ 5 ตำบลนาท่อม
ความเป็นมา / แรงบันดาลใจ / เหตุผลที่ทำ ->
บ้านหนองปริง หมู่ที่ 5 ตำบลนาท่อม มีพื้นที่ติดกับตำบลร่มเมือง อำเภอเมืองพัทลุง จังหวัดพัทลุง ซึ่งมีการปลูกพลูขายกันทั้งตำบลและมีตลาดรับซื้อพลู ชาวบ้านหนองปริงมีการปลูกมาแต่สมัยปู่ยาตายายแล้ว แต่ปลูกไม่มาก เพราะในช่วงนั้นตลาดรับซื้อยังไม่มากนัก นายสุนันท์ มุขตา ซึ่งมีอาชีพทำสวนยางพารา เล็งเห็นว่าการปลูกพลูเป็นอาชีพเสริมที่สามารถสร้างรายได้ให้ครอบครัวอีกทั้งการปลูกและการดูแลรักษาพลูก็ไม่ยากนัก อายุการให้ผลผลิตก็นานกว่า 20 ปี และมีตลาดรับซื้อที่แน่นอน จึงได้ศึกษาเรียนรู้ หาความรู้เรื่องการปลูกพลู และปลูกพลูโดยใช้พื้นที่ว่างบริเวณบ้านในการปลูกพลู โดยนำพลูไปขายที่หมู่ 3 ตำบลร่มเมือง ซึ่งเพิ่มรายได้ให้แก่ครอบครัว ไม่น้อยกว่าเดือนละ 2,000 บาท
ในปัจจุบันมีตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศยังมีความต้องการ จึงทำให้ชาวบ้านในพื้นที่หันมาปลูกเพิ่มมากขึ้นแทบทุกครัวเรือน
วัตถุประสงค์ ->
- เพื่อเป็นอาชีพเสริม เพิ่มรายได้ ให้แก่ครัวเรือน
วัตถุดิบ (ถ้ามี) ->
1. ยอดพลู
2. ถุงชำ
3. ปุ๋ยคอก
4. ดินผสม
อุปกรณ์ ->
1. ไม้ค้างพลู (เสาปูน หรือเสาไม้) ยาวประมาณ 2.5 - 3 เมตร
2. ถังรดน้ำ
3. จอบ
4. พั่ว
กระบวนการ/ขั้นตอน->
1. การเตรียมไม้ค้าง เนื่องจากพลูเป็นพันธุ์ไม้เลื้อย ที่รากจะต้องอาศัยเกาะขึ้นไปกับไม้ค้าง
2. การเตรียมพื้นที่ปลูก การเตรียมดินทำได้โดยไถดินตากไว้อีกครั้งหนึ่ง จากนั้นก็ยกร่องให้สูงเพื่อช่วยใน การระบายน้ำ ตากดินทิ้งไว้ระยะหนึ่งประมาณ 1-2 วัน แต่ถ้าบริเวณที่ปลูกเป็นดินเหนียวหรือดินร่วนปนทรายควรใส่ปุ๋ยคอก เพื่อให้ดินร่วนและทำให้การอุดมสมบูรณ์มีเพิ่มมากขึ้น หากดินเหนียวหรือดินแน่นจะต้องพรวนดิน ย่อยดินให้ร่วนเสียก่อนและต้องระวังอย่าให้มีน้ำขังในแปลงปลูก และวัดความกวางยาวในการปลูก โดยระยะห่างระหว่างต้นประมาณ 1.7 -2 เมตร และระยะห่างระหว่างแถวประมาณ 1.5 -2 เมตร
3. การขุดหลุมปักไม้ค้างพลู โดยหลุมให้มีขนาดตามไม้ค้าง ลึกประมาณ 50 ซม.
4. การปลูก ขุดหลุมปลูกความยาวประมาณ 20 - 25 ซม. จากนั้นเอายอดพลูลงในหลุม โดยและให้ยอดพลูส่วนหนึ่งติดกับไม้ค้างพลู แล้วเอาเชือกผูกไว้ เพื่อให้รากพลูที่จะงอกออกมาเกาะติดไม้ค้าง จากนั้นจึงเอาใบไม้มาปิดเพื่อบังแดด ป้องกันไม่ให้พลูเหี่ยว และรดน้ำให้ชุ่มทุกวัน
ข้อพึงระวัง ->
1. ควรปลูกในพื้นที่ ที่แสงแดดรำไร
2. ในฤดูแล้งหมั่นดูแลรดน้ำให้ชุ่มอยู่เสมอ และในฤดูฝน ดูแลอย่าให้น้ำท่วมขัง