การเลี้ยงไก่บ้าน
โดย : น.ส.พรพรรณ ทศสระน้อย วันที่ : 2017-03-14-18:50:41ที่อยู่ : ๓๘ หมู่ที่ ๗ ต.ดอนใหญ่ อ.คง จ.นครราชสีมา
ความเป็นมา / แรงบันดาลใจ / เหตุผลที่ทำ ->
ปัจจุบันเนื้อไก่พันธุ์พื้นบ้านเป็นที่นิยมของผู้บริโภค เนื่องจากรสชาติของเนื้อไก่พื้นบ้านมีรสชาติที่อร่อย เนื้อแน่น เป็นที่ถูกปากของผู้บริโภคทั่วไป และผู้บริโภคยังไม่ต้องกังวลใจว่าจะมีสารพิษตกค้างอยู่ในเนื้อไก่อีกด้วย ซึ่งไก่พื้นบ้านในตลาดบางช่วงก็ขาดตลาด ไม่มีขาย โดยเฉพาะในช่วงเทศกาล จากสภาวะการขาดตลาดของเนื้อไก่พันธุ์พื้นบ้านนั้น มีเหตุมาจากสภาพการอยู่อาศัยของคนในสังคมคือการปลูกบ้านติดกัน ไม่มีพื้นที่ว่าเป็นสวน หรือมีพื้นที่เพียงพอสำหรับการเลี้ยงไก่พื้นบ้าน และอีกประการหนึ่งก็คือการเลี้ยงแบบปล่อยตามธรรมชาติ ทำให้เกิดการสูญเสียอย่างมากเนื่องจากโรคระบาดในไก่ จึงมีแนวคิดที่จะนำวิธีการเลี้ยงแบบโรงเรือนมาผสมผสานกับการเลี้ยงแบบพื้นบ้าน เพื่อให้ได้ผลผลิตที่แน่นอน และมีปริมาณและคุณภาพมากยิ่งขึ้น
วัตถุประสงค์ ->
เพื่อลดรายจ่ายและเพิ่มรายได้ และมีอาชีพเสริมให้กับตนเอง
วัตถุดิบ (ถ้ามี) ->
๑. ไก่พันธุ์พื้นเมือง
๒. อาหารไก่เนื้อสำเร็จรูป (ไก่เล็ก)
๓. ข้าวเปลือก ปลายข่าว รำ
๓. วิตามิน/ยาปฏิชีวนะ
อุปกรณ์ ->
๑. โรงเรือน (เล้าไก่) ยกพื้นสูง ๑.๒๐ เมตร
๒. ตาข่ายไนล่อน ล้อมพื้นที่ ๑ ไร่ สูง ๒ เมตร เพื่อป้องกันไก่ออกไปหากินคุ้นเขี่ยพืชผลของเพื่อนบ้าน
๓. อุปกรณ์ให้น้ำไก่
๔. อุปกรณ์ให้อาหารไก่
กระบวนการ/ขั้นตอน->
๑. ปล่อยพ่อพันธุ์ แม่พันธุ์ไก่พื้นบ้านในเล้าไก้ (อัตราส่วนพ่อพันธุ์ ๑ ตัว ต่อ แม่พันธุ์ไก่ ๖ ตัว
๒. หาลัง หรือเข่ง ใส่ฟางข้าว มาวางไว้บนพื้นโรงเรือน เท่ากับจำนวนแม่พันธุ์ไก่ เพื่อใช้เป็นรังออกและฟักไข่
๓. ขุนไก่ด้วยข้าวเปลือก หรือปลายข้าวผสมรำ เช้า-เย็น (ขุนบ้างเล็กน้อยส่วนใหญ่ให้ไก่หากินเอาเอง)
๔. ในพื้นที่โรงเรือนที่ล้อมตาข่าย ให้ขุดหลุมกว้าง ๑ คูณ ๑ เมตร ลึก ๕๐ เซนติเมตร เพื่อใส่เศษไม้ ใบไม้ แล้วลดน้ำให้ชุ่มลิวปิดด้วยสังกะสีทิ้งไว้ ๕-๗ วัน เปิดให้ไก่ไปเขี่ยหากินปลวกและแมลง ตอนเย็นก็กวาดใบไม้เศษไม้ลงหลุม และรดน้ำให้ชุม เอาสังกะสีปิด (ทำหลาย ๆ หลุม สลับเปิดให้ไก่หาอาหาร)
๕. หัวค่ำเปิดไฟล่อแมลงมาให้ไก่กิน ๔ ทุ่ม ปิดไฟ
๖. เมื่อแม่ไก่ไข่แล้วฟักเป็นตัว แยกลูกไก่ไปเลี้ยงขุนด้วยอาหารสำเร็จรูปสำหรับไก่เนื้อขนาดเล็ก พร้อมกับทำวัคซีนตามที่ปศุสัตว์แนะนำ ไปอีก ๑ เดือนครึ่ง จึงปล่อยเลี้ยงในเล้า
๗. เมื่อลูกไก่มีน้ำหนักได้ตั้งแต่ ๑.๕ กิโลกรัมขึ้นไป ก็สามารถจับขายได้เรื่อย ๆ
ข้อพึงระวัง ->