ความรู้สัมมาชีพชุมชน

การทำสบู่กาวไหม

โดย : นางนิยม เทศชารี วันที่ : 2017-03-14-18:27:05

ที่อยู่ : ๘๖ หมู่ที่ ๖ ต.หนองมะนาว อ.คง จ.นครราชสีมา

ความเป็นมา / แรงบันดาลใจ / เหตุผลที่ทำ ->

ข้าพเจ้าทำหน้าที่ประธานกลุ่มปลูกหม่อนเลี้ยงไหม  บ้านห้วยทราย  หมู่ที่ ๖  ต.หนองมะนาว  อ.คง  จ.นครราชสีมา  ซึ่งได้นำผลิตภัณฑ์ของกลุ่มไปขึ้นทะเบียนเป็น  OTOP  และมักเป็นตัวแทนกลุ่มในการนำผลิตภัณฑ์ไปจำหน่าย  และเข้ารับการอบรมต่าง ๆ ที่ส่วนราชการจัดอบรม  จึงมีความสนิทสนมกับเจ้าหน้าที่ของสำนักงานพัฒนาชุมชนเป็นพิเศษ   ประมาณ ปี  ๒๕๔๗  ทางสำนักงานพัฒนาชุมชนอำเภอได้นำคณะอาจารย์และนักศึกษาเข้ามาทำงานวิจัยเพื่อพัฒนา  ผลิตภัณฑ์ไหม   ทางคณะอาจารย์ที่มาจึงได้สาธิตการสกัดกาวไหม  และนำกาวไหม  มาทำผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ อีกมากมาย  เช่น  สบู่กาวไหม  ครีมนวดผมกาวไหม  ครีมกันแดดกาวไหม   ฯลฯ  สุดท้ายของการทำสบู่  ก็ได้เป็นสบู่กาวไหมผสมน้ำผึ้ง  ซึ่งทางสถาบันต่าง ๆ ที่เข้ามาสนับสนุนและวิจัยได้ให้คำอธิบายว่าเป็นผลิตภัณฑ์โปรตีนธรรมชาติ จากกาวไหมบริสุทธิ์  ที่มีประโยชน์ต่อผิวหนัง  สามารถซึมซับเข้าไปในทุกอนุภาคของเซลผิว  ช่วยขจัดเซลล์ผิวที่เสื่อมสภาพ  ทำให้ผิวหนังกระชับเนียนนุ่ม  และชุ่มชื้น  กาวไหมไทยมีคุณมหาศาล  ทั้งด้านการเป็นเวชภัณฑ์อาหาร  เครื่องดื่ม  และเครื่องสำอาง  กาวไหมไทยที่ใช้มีโปรตีนธรรมชาติที่บริสุทธิ์ถึง  ๑๘  ชนิด  มีสารต้านอนุมูลอิสระ  และมีสารช่วยกำจัดจุรินทรีย์บางชนิดที่เป็นสาเหตุของโรคผิวหนังของมนุษย์  ต่อต้านไวรัส  โรคเริม  และงูสวัด  รักษาปริมาณน้ำในผิวหนัง  ช่วยทำให้ผิวชุ่มชื่นเนียนนุ่ม  ซึ่งพิสูจน์ได้โดยใช้กล้องจุลทรรศน์  ที่มีกำลังสูงดูอนุภาคของกาวไหม  และเห็นได้ว่าเป็นอนุภาคขนาดเล็กที่สามารถซึมซับเข้าไปในผิวหนังได้อย่างน่าอัศจรรย์  นอกจากนั้นยังช่วยกำจัดสิ่งสกปรกในเซลล์ทำให้เซลล์ผิวหนังแข็งแรงเป็นการยืดอายุเซลล์  และช่วยให้เซลล์ที่เกิดจากการอักเสบซึ่งอาจจะมีสาเหตุจากสิวฝ้าให้คืนสภาพได้เร็วขึ้น     น้ำผึ้ง  เป็นสารที่ให้ความชุ่มชื่นตามธรรมชาติ  ทำให้ผิวหนังมีความอ่อนนุ่ม  และยืดหยุ่น  และไม่ระคายเคืองต่อผิวหนัง  พร้อมทั้งมีสารแอนตี้ออกซิแดนต์  ซึ่งมีบทบาทในการปกป้องผิวหนังจากการทำลายของแสง  UV  และช่วยในการเสริมสร้างผิวหนังใหม่    จึงอยากจะทำผลิตภัณฑ์ไทย ๆ คุณภาพดี  ราคาที่ไม่แพง  ให้คนไทยได้ใช้กัน  เรื่องคุณภาพและความปลอดภัย  มั่นใจได้เพราะมีการวิจัยและการันตีโดยกรมวิชาการเกษตร  ร่วมกับสำนักงานปรมณูเพื่อสันติ  และกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์แล้ว           

วัตถุประสงค์ ->

๑. เพื่อนำวัสดุเหลือใช้มาเพิ่มมูลค่า  (กาวไหม  ได้จากขั้นตอนการฟอกเส้นไหมก่อนหน้านั้นทิ้งไปโดยเปล่าประโยชน์)

                ๒. เพื่อสร้างงานสร้างอาชีพให้คนในชุมชน

                ๓. เพื่อเพิ่มรายได้ให้กับครอบครัว

                ๔. เพื่อเป็นวิทยาทาน  เป็นจุดศึกษาดูงานให้คนในท้องถิ่น  สถาบันการศึกษา  และประชาชนทั่วไป  ที่สนใจในเรื่องการนำกาวไหมไปใช้ประโยชน์

วัตถุดิบ (ถ้ามี) ->

๑. กลีเซอรีน

                ๒. น้ำกาวไหม

                ๓. น้ำผึ้งแท้

                ๔. หัวน้ำหอม

อุปกรณ์ ->

๑. หม้อตุ๋นแรงดันสูง

                ๒. หม้อสแตนเลส

                ๓. เหยือก

                ๔. แม่พิมพ์สบู่

                ๕. แท่งคน

                ๖. ช้อนตวง

                ๗. ถ้วยตวง

กระบวนการ/ขั้นตอน->

๑. นำเส้นไหม  ไปแช่ในน้ำเพื่อให้เส้นไหมนุ่ม

                ๒. เมื่อเส้นไหมนุ่มแล้ว  นำไปใส่หม้อตุ๋นแรงดันสูง  โดยเติมน้ำ  ๑.๕  ลิตร   ตุ๋นสกัดเอากาวไหม

                ๓. นำหัวเชื้อสบู่  (กลีเซอรีน)  ประมาณ  ๑  กิโลกรัม  ลงต้มในหม้อสแตนเลส  จนละลายเป็นน้ำ

                ๔. นำหัวเชื้อสบู่  (กลีเซอรีน)  ที่ละลายเ ป็นน้ำแล้วไปใส่ในเหยือก  นำน้ำกาวไหม  ๒๐๐  มิลลิลิตร  น้ำผึ้ง  ๕๐  มิลลิลิตร  หัวน้ำหอมอีกเล็กน้อย   แล้วคนให้เข้ากัน

                ๕. เทสวนผสมลงในแม่พิมพ์สบู่  รอจนแข็งตัวเป็นก้อน  จึงแกะออกจากแม่พิมพ์สบู่

ข้อพึงระวัง ->

ไม่ควรใส่น้ำกาวไหมและหัวน้ำหอมมากเกินไป  เพราะอาจทำให้กลีเซอลีนไม่แข็งตัวเป็นก้อน

เว็บไซต์สัมมาชีพชุมชนจังหวัดนครราชสีมา
กรมการพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย

โทรศัพท์ :
Email :
ที่อยู่ :

เกี่ยวกับเรา