ความเป็นมา / แรงบันดาลใจ / เหตุผลที่ทำ ->

ตั้งแต่เกิดมา ก็ได้รู้ว่า ปุ๋ยเคมี ใช้กับการทำนามาตลอด  และทุกปีต้องเสียเงินซื้อปุ๋ยเคมีเพื่อนำไปใส่ข้าวเพิ่มขึ้นๆ ทุกปี  รู้อยู่ว่าใช้ปุ๋ยเคมีนานๆ ทำให้ดินเสื่อม ไม่มีทางออก นอกจากใช้มันเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ  และปีแล้วปีเล่ามีแต่ทำนาขาดทุนๆ ชาวนาลืมตาอ้าปากไม่ได้ ความจนเริ่มมาเยือน  จากไม่เคยเป็นหนี้ เริ่มเป็นหนี้  จากการเป็นหนี้ เริ่มเป็นหนี้หลายทาง  วันหนึ่งได้มีโอกาสได้ไปศึกษาดูงานที่ศูนย์ศึกษาและพัฒนาตามแนวพระราชดำริเขาหินซ้อน จ.ฉะเซิงเทรา ได้รับความรู้เรื่องการทำปุ๋ยอินทรีย์ ซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ร.9 ได้ทรงให้จัดตั้งขึ้น ตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ได้รับความรู้กลับมาพร้อมกับความตั้งใจมุ่งมั่น ที่จะนำความรู้มาปรับใช้ในการทำนา และต้งใจที่จะนำคำสอน ของในหลวง ร.9 มาปฏิบัติให้เกิดเป็นรูปธรรมให้ได้ เพื่อจะได้มีโอกาสและหนทางรอดพ้นจากความยากจน และการทำนาที่ขาดทุนมาโดยตลอด ทั้งยังคืนความอุดมสมบูรณ์ให้ดินอีกด้วย

วัตถุประสงค์ ->

1.เพื่อแสดงความจงรักภักดีต่อในหลวง ร.9 ดดยการนำคำสอนมาประพฤติปฏิบัติให้เกิดประโยชน์ต่อตนเอง และสวนรวม

2.เพื่อลดต้นทุนการผลิต ลดรายจ่าย เพิ่มรายได้

3.เพื่อใช้วัตถุดิบในท้องถิ่นให้เกิดประโยชน์สูงสุด

4.ลดสารเคมี และคืนความอุดมสมบูรณ์สู่ธรรมชาติ

 

วัตถุดิบ (ถ้ามี) ->

1.มูลสัตว์ (ขี้วัว ขี้ควาย)

2.ปุ๋ยยูเรีย 46-0-0

3.ปุ๋ยสูตร 0-3-0

4.น้ำหมักชีวภาพ

อุปกรณ์ ->

1.จอบ,พั่ว,รถเข็น,บุ้งกี๋,หน้ากากอนามัย,แรงงาน

2.เครื่องอัดเม็ดปุ่ย  

กระบวนการ/ขั้นตอน->

เตรียมวัตถุดิบและวัสดุอุปกรณ์ในการผลิตให้พร้อม แล้วดำเนินการดังนี้.-

1.นำมูลสัตว์มากองไว้

2.นำหัวเชื้อ(น้ำหมักชีวภาพ+ปุ่ยยูเรีย+ปุ๋ยสูตร) มาฉีดพ่นให้ทั่วพอเหมาะตามสัดส่วน

3.นำผ้ามาคลุมแล้วหมักไว้ประมาณ 24-30 วัน

4.นำจอบหรือพั่ว หรืออื่นๆ มาพลิกกลับกองปุ๋ยทุก 7 วัน

5.ถึงเวลากำหนด นำผ้าคลุมออก นำกองปุ๋ยตากให้แห้ง ตีป่นเตรียมอัดเม็ด

6.นำปุ๋ยใส่เครื่องอัดเม็ด ระหว่างอัดเม็ดปุ๋ยให้ฉีดพ่นหัวเชื่อเรื่อยๆ

3.นำเม็ดปุ๋ยตากแดดให้แห้ง 

5.บรรจุถุงเตรียมนำไปใช้ประโยชน์

ข้อพึงระวัง ->

1.ห้ามทำในช่วงฤดูฝน

2.ใส่หน้ากากอนามัยปิดปาก ปิดจมุกเพื่อกันฝุ่นละอองจากฝุ่นปุ๋ย

3.เก็บปุ๋ยไว้ในที่ร่ม