การทำนาอินทรีย์
โดย : นายถนอม พลหาญ วันที่ : 2017-03-10-22:42:41ที่อยู่ : บ้านเลขที่ 109 หมู่ที่ ๑๑ ตำบลด่านช้าง
ความเป็นมา / แรงบันดาลใจ / เหตุผลที่ทำ ->
ปัจจุบันเกษตรกรได้ใช้วิธีการสมัยใหม่ในการปลูกข้าวโดยไม่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อมเท่าที่ควร ใช้ปุ๋ยเคมี ,ใช้ยาฆ่าแมลงในการกำจัดแมลงศัตรูข้าว ทำให้มีผลต่อสุขภาพทั้งในระยะสั้นสันและระยะยาว
วัตถุประสงค์ ->
เพิ่่มรายได้ ลดการใช้สารเคมี
วัตถุดิบ (ถ้ามี) ->
พันธ์ข้าว ปุ๋ยอินทรีย์
อุปกรณ์ ->
กระบวนการ/ขั้นตอน->
การเตรียมดินและวิธีปลูก
การเตรียมดินจะขึ้นอยู่กับวิธีปลูกข้าว ซึ่งจะแตกต่างกันออกไป แต่ที่เหมือนกัน ไถดะทิ้งไป 7-10 วัน เพื่อตากดินและกำจัดวัชพืช
1. การปลูกโดยวิธีการปักดำ
วิธีการปักดำ มี 2 ขั้นตอน
1.1 การตกกล้า การเตรียมแปลงตกกล้า โดยไถดะทิ้งไว้ 7-10 วัน ไถแปรเอาน้ำเข้า แช่ขี้ไถ คราดปรับระดับผิวดินแล้วทำเทือก ( มอบ) แบ่งแปลงย่อย กว้างประมาณ 1-2 เมตร ยาวตามความยาวของแปลง ทำร่องน้ำระหว่างแปลงกว้างประมาณ 30 ซ.ม. แล้วระบายน้ำออก หว่านเมล็ดข้าวที่เตรียมไว้บนแปลงให้สม่ำเสมอ ใช้อัตราเมล็ดพันธุ์ 50-70 กรัมต่อตารางเมตร อย่าให้น้ำท่วมแปลงกล้า แต่ให้มีความชื้นเพียงพอสำหรับการงอก เพิ่มระดับน้ำตามการเจริญเติบโตของต้นข้าว อย่าให้ท่วมต้นข้าวและไม่เกิน 5 เซนติเมตร จากระดับหลังแปลง
การเตรียมดินและวิธีปลูก
การเตรียมดินจะขึ้นอยู่กับวิธีปลูกข้าว ซึ่งจะแตกต่างกันออกไป แต่ที่เหมือนกัน ไถดะทิ้งไป 7-10 วัน เพื่อ 1.2 การปักดำ เตรียมแปลงปักดำโดยไถดะ ทิ้งไว้ 7-10 วัน
ไถแปร เอาน้ำเข้า แช่ขี้ไถ คราดปรับระดับดิน และทำเทือกรักษาระดับน้ำในแปลงปักดำประมาณ 5 เซนติเมตรจากผิวดิน ปักดำโดยใช้ต้นกล้าอายุประมาณ 25 วัน ระยะปักดำ 20x20 เซนติเมตร จำนวน 3-5 ต้นต่อกอรักษาระดับน้ำให้เหมาะสมกับการเจริญเติบโตของต้นนากดินและกำจัดวัชพืช
1.2 การปักดำ เตรียมแปลงปักดำโดยไถดะ ทิ้งไว้ 7-10 วัน
ไถแปร เอาน้ำเข้า แช่ขี้ไถ คราดปรับระดับดิน และทำเทือกรักษาระดับน้ำในแปลงปักดำประมาณ 5 เซนติเมตรจากผิวดิน ปักดำโดยใช้ต้นกล้าอายุประมาณ 25 วัน ระยะปักดำ 20x20 เซนติเมตร จำนวน 3-5 ต้นต่อกอรักษาระดับน้ำให้เหมาะสมกับการเจริญเติบโตของต้นข้าว ประมาณ 0-10 เซนติเมตร อย่าปล่อยให้ต้นข้าวขาดน้ำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงกำเนิดช่อดอกถึงออกรวง หลังข้าวกรองออกรวง 80 เปอร์เซ็นแล้วประมาณ 20 วัน ระบายน้ำออกวิธีการทำน้ำหมักชีวภาพไว้ใช้เอง
วัสดุและอุปกรณ์ 1. เศษพืชผัก ผลไม้ หรือเศษอาหารที่ยังไม่บูดเน่า 2. กากน้ำตาลหรือน้ำตาลทรายแดง 3. ถังสำหรับหมัก 4. มีด
วิธีการทำน้ำหมักชีวภาพ
1. นำวัตถุดิบมาสับ บด โขลก หรือหั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ
2. บรรจุลงในภาชนะ
3. เติมกากน้ำตาล หรือน้ำตาลทรายแดง และส่วนผสมอื่น ๆ ลงไป ตามอัตราส่วน
4. คนหรือคลุกเคล้าให้เข้ากัน ปิดฝาภาชนะ หมักไว้ 7-15 วัน
5. ครอบตามกำหนดปุ๋ยหมักน้ำชีวภาพจะมีกลิ่นหอม
6. สำหรับปุ๋ยหมักน้ำชีวภาพถั่วเหลือง และปุ๋ยหมักน้ำชีวภาพปลาสดหรือหอยเซลรี่ ควรหมักอย่างน้อย 1 เดือน จึงนำไปใช้ได้ และระหว่างหมักให้หมั่นคนส่วนผสมทุกวัน
7. หากมีกลิ่นเหม็นหรือบูดเน่าให้เติมกากน้ำตาลหรือน้ำตาลทราย แล้วคนให้เข้ากันทิ้งไว้ 3-7 วัน กลิ่นเหม็นหรือกลิ่นบูดเน่าจะหายไป
8. การแยกกากและน้ำชีวภาพ โดยใช้ถุงอาหารสัตว์ ถุงปุ๋ยเคมี หรือมุ้งเขียว รองรับกากและน้ำชีวภาพจะไหลลงภาชนะที่เตรียมไว้ และกากที่เหลือนำไปคลุมโคนพืช หรือคลุมแปลงต่อไปได้อีก
เคล็ดลับในการทำน้ำหมักให้ได้ผลดี1. ควรเลือกใช้เศษพืชผัก ผลไม้ หรือเศษอาหารที่ยังไม่บูดเน่า สับหรือบดให้เป็นชิ้นเล็ก ๆ ใส่ในภาชนะที่มีปากกว้าง เช่นถังพลาสติกหรือโอ่ง หากมีน้ำหมักชีวภาพอยู่แล้วให้เทผสมลงไปแล้วลดปริมาณกากน้ำตาลลง ปิดฝาภาชนะทิ้งไว้จนได้เป็นน้ำหมักชีวภาพจากนั้นกรอกใส่ขวดปิดฝาให้สนิทรอการใช้งานต่อไป
2. ในระหว่างการหมัก ห้ามปิดฝาภาชนะจนแน่นสนิทเพราะอาจทำให้ระเบิดได้เนื่องจากระหว่าง การหมักจะเกิดก๊าชต่างๆขึ้นเช่นก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ก๊าซมีเทนเป็นต้น3.ไม่ควรเลือกพืชจำพวกเปลือกส้ม ใช้ทำน้ำหมัก เพราะมีน้ำมันที่ผิวเปลือกจะทำให้จุลินทรีย์ไม่ย่อยสลายการทำน้ำหมักชีวภาพ ไม่ใช่เรื่องยากแต่ต้องอาศัยเวลาและความอดทน ที่สำคัญน้ำหมักชีวภาพไม่มีสูตรที่ตายตัว เราสามารถทดลองทำปรับเปลี่ยนวัตถุดิบให้เหมาะสมกับต้นไม้ของเรา เพราะสภาพแวดล้อมแต่ละท้องถิ่นมีความแตกต่างกัน ต้นไม้แต่และถิ่นก็ต้องการการดูแลที่แตกต่างกัน น้ำหมักชีวภาพจึงจำเป็นต้องมีความแตกต่างกันตามท้องถิ่น
ข้อพึงระวัง ->