เพาะเห็ดฟาง
โดย : นายประมวล ปุ้ม วันที่ : 2017-03-31-14:24:24ที่อยู่ : หมู่ที่ 3 บ้านวังไฮ ตำบลคำเตย อำเภอเมืองนครพนม จังหวัดนครพนม
ความเป็นมา / แรงบันดาลใจ / เหตุผลที่ทำ ->
บ้านวังไฮ หมู่ที่ 3 ตำบลคำเตยระหว่างเดือนกุมภาพันธ์ – เมษายน ราษฎรจะว่างงานจากการทำเกษตร และประกอบกับน้ำเพื่อการเกษตรมีไม่เพียง ทำให้ไม่มีงานทำขาดรายได้ เห็ดฟาง เป็นเห็ดที่คนไทยนิยมบริโภคมานาน มีรสชาติดีคุณค่าทางอาหารสูง เป็นอาหารพวกผักแต่มีคุณค่าสูงกว่าผักพบได้ตามธรรมชาติข้างกองฟางที่มีความชื้น ปัจจุบันได้นำมาเพาะเพื่อบริโภคและจำหน่ายเป็นรายได้เสริม ซ้ำยังสามารถเพาะได้ง่ายใช้วัสดุเศษเหลือทางการเกษตรมาเพาะได้ เช่น ฟางข้าว กากเปลือกถั่ว ไส้นุ่น ต้นกล้วย ผักตบชวา ทลายปาล์ม กากเปลือกมันสำปะหลัง มีวิธีการเพาะหลายรูปแบบ เช่น การเพาะแบบกองสูง การเพาะแบบกองเตี้ยประยุกต์ การเพาะในโรงเรือน การเพาะในเข่ง โดยใช้กากมันสำปะหลังและการเพาะเห็ดโดยใช้ตอซังฟางข้าว เพื่อเป็นทางเลือกให้ผู้สนใจได้นำไปเพาะเพื่อเป็นอาหารในครัวเรือน หรือเพาะเพื่อเป็นอาชีพเสริมรายได้ในครัวเรือนได้
วัตถุประสงค์ ->
เพาะเพื่อเป็นอาชีพเสริมรายได้ในครัวเรือนได้
วัตถุดิบ (ถ้ามี) ->
1.กากมันสำปะหลัง ( กากดิน )
2.น้ำสะอาดควรเป็นน้ำสระไม่เค็มจะดีที่สุด
3. อาหารเสริม ( มูลสัตว์แห้ง , ราละเอียด หรือ วัสดุอื่นที่หาได้ เช่น กากไส้นุ่น , จอกแห้ง ,คายข้าว )
4.EM/น้ำหมักชีวภาพ
5.ปูนขาว
6.ฟางสำหรับคลุมกอง
อุปกรณ์ ->
3.บัวรดน้ำ
4พลาสติกสำหรับคลุมกองเห็ด
5.จอบ
กระบวนการ/ขั้นตอน->
1. เตรียมแปลงเพาะโดยขุดตากดินยกแปลงเพื่อฆ่าเชื้อโรคตากทิ้งไว้ประมาณ 7 วัน ย่อยดินให้ละเอียดขนาดแปลง กว้าง 1 เมตร ยาวตามความต้องการ
2. นำกากมัน ( กากดิน ) มาบรรจุในไม้แบบอัดเป็นแท่งพอแน่นจากนั้นถอดไม้แบบ แล้วอัดแท่งกากมันเรียงในแปลงที่เตรียมไว้ห่างกันแต่ละแท่ง 10-15 ซม. ถ้าอากาศเย็นให้ห่างกันน้อย ถ้าอากาศร้อนให้ห่างกันมากขึ้น
3. ขณะอัดแท่งกากมัน ถ้าแห้งให้รดน้ำพอชุ่มไม่ให้แท่งพังแตก
4. อัดแท่งกากมัน อย่างน้อยให้เต็มไม้แบบ เพื่อให้การควบคุมอุณหภูมิในแปลงไม่ให้เปลี่ยนแปลงมากเกินไป
5. โรยอาหารเสริมระหว่างช่องว่างของแท่งกากมันบางๆ
6. โรยเชื้อเห็ดฟาง บนอาหารเสริม โดยเชื้อเห็ดฟางต้องนำมาขยำรวมกันก่อน อัตราการใช้ 1 ถุง ต่อ 2 ตารางเมตร (แล้วแต่ขนาดถุง) แล้วรดน้ำให้ชุ่มทั่วแปลง
7. คลุมด้วยพลาสติกให้ชิดกองใช้พลาสติก 1 ผืนกลบชายพลาสติกด้วยดินให้สนิท
8. คลุมด้วยฟางแห้ง
9. ทิ้งไว้ประมาณ 3-4 วัน แล้วแต่ฤดูกาล
10. เส้นใยเห็ดจะเดินขาวฟูในกอง ให้ทำการตัดใย โดยใช้น้ำสะอาดผสม EM และ กากน้ำตารดบางๆ พอเส้นใยขาด
11. ขึ้นโครงโดยใช้ไม้ไผ่ปักโค้งห่างกันพอควรแล้วคลุมพลาสติกแบบเกยทับ 2 ผืน แล้วคลุมด้วยฟาง
12. หมั่นตรวจดูอุณหภูมิในกองเห็ด ถ้าร้อนจัดให้เปิดข้างกองตอนเช้าหรือเย็น ครั้งละ 5-10 นาที แล้วปิดตามเดิม
13. จากนั้นประมาณ 5-7 วัน ดอกเห็ดจะโตสามารถเก็บมาบริโภคและจำหน่ายได้
14. การเก็บดอกเห็ด ควรเก็บในช่วงเช้ามืดและเก็บเมื่อเห็ดขนาดดอกตูมหัวแหลมจะได้น้ำหนักดี แต่ถ้าจะเก็บเพื่อทำป่นให้เก็บดอกบานมาย่างไฟจะอร่อย
15. จะสามารถเก็บเห็ดได้ ประมาณ 3-5 วัน ก็จะหมดรุ่น จากนั้นให้เปิดกองรดน้ำพอชุ่ม ปิดไว้อีก 5-7 วันเห็ดจะเกิดดอก ให้เก็บอีก 1 รุ่น แต่ดอกเห็ดจะเกิดน้อย
16. หลังเก็บดอกเห็ดหมด นำเศษที่เหลือไปหมักทำปุ๋ยชีวภาพต่อไป หรือนำไปใส่ แปลงนา ไม้ผล แทนปุ๋ยเคมีได้ หรือถ้าเพาะในแปลงนาให้หยอดเมล็ดผัก แตง ถั่ว จะงอกงามดี
17. ถ้าใช้ฟางเพาะแนะนำให้ใช้ตอซังฟางข้าวจะให้ผลผลิตดีกว่าปลายฟาง โดยใช้การถอนทั้งรากแต่ฟางที่ใช้เพาะต้องแห้งสนิทไม่เคยผ่านความชื้นหรือโดนฝนมาก่อนจะเกิดเชื้อราเพาะเห็ดไม่ขึ้น โดยใช้ไม้แบบขนาดใหญ่ขึ้น ลักษณะเป็นสีเหลี่ยมคางหมู ขนาดฐานกว้าง 35-40 ซม. กว้าง 25-30 ซม. สูง 35-40 ซม. มีความยาว 1-1.5 เมตร ขั้นตอนการเพาะ
17.1 แช่ฟางให้ชุ่มประมาณ 1 ชม.
17.2 นำมากองใส่ไม้แบบในแปลงที่ขุดเตรียมไว้โดยวางด้านโคลนฟางออกด้านนอกสูง 3-4 นิ้ว จากนั้นโรยอาหารเสริมรอบขอบไม้แบบบนฟางหน้ากว้าง 2 นิ้ว โรยเชื้อเห็ดที่ขยำไว้แล้วบางๆ แล้ววางฟางทำชั้นต่อไปเหมือนชั้นที่ 1 ทำ 3-4 ชั้น ชั้นสุดท้ายโรยอาหารเสริมและเชื้อเห็ดให้เต็มหลังกอง
17.3 ปิดด้านบนด้วยฟางชุ่มหนา 1-2 นิ้ว ย้ายไม้แบบไปทำกองต่อไปห่างจากกองเดิม 10-15 ซม. จนเต็มแปลง ควรทำกองฟางอย่างน้อย 10 กอง ต่อ 1 แปลง เพื่อให้อุณหภูมิในกองพอเหมาะในการเกิดดอกเห็ด
17.4 คลุมด้วยพลาสติก คลุ่มด้วยฟางแห้งตรวจดูความชื้นในกอง ถ้าแห้งมากให้รดน้ำบนดินรอบแปลง 8-10 วัน ก็จะสามารถเก็บดอกเห็ดได้การเพาะด้วยฟางไม่ต้องตัดเส้นใบและทำโครงไม้ไผ่
17.5 หลังจากเก็บเห็ดหมด ฟางกองเห็ดสามารถนำไปกองทำปุ๋ยหมักใช้บำรุงดินต่อไป หรือนำไปเป็นวัสดุเพาะเห็นในถุงพลาสติกต่อไป
ข้อพึงระวัง ->