การเลี้ยงกบในบ่อซีเมนต์
โดย : นางนภาพร ใบแก้ว วันที่ : 2017-03-30-16:13:18ที่อยู่ : 165 หมู่ที่ 3 บ้านดอนแดง ต.ท่าบ่อสงคราม
ความเป็นมา / แรงบันดาลใจ / เหตุผลที่ทำ ->
บ้านดอนแดงภูมิประเทศเป็นพื้นที่ราบลุ่มมีน้ำล้อมลอบหมู่บ้านอาชีพหลักของชาวบ้านคือทำนา เลี้ยงสัตว์เช่น วัวเลี้ยงไก่ และเลี้ยงกบ
กบ เป็นสัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำ เดิมไม่จำเป็นต้องเลี้ยงหาได้ตามธรรมชาติ พอถึงห้วงฤดูกาล ก็สามารถจับมาจำหน่ายและบริโภคได้ แต่ปัจจุบันเริ่มที่จะหายาก และไม่พอที่จะบริโภค ดังนั้นจำเป็นต้องศึกษาเรียนรู้ อบรม จนกระทั่งเกิดทักษะ ในการเลี้ยงสามารถเลี้ยงเป็นอีกอาชีพหนึ่งได้ และ หน่วยงานพัฒนาชุมชนได้เข้ามาจัดการอบรมศึกษาดูงาน โดยให้ปราชญ์ได้ถ่ายทอดองค์ความรู้ ให้กับคนในชุมชน
เพื่อนำไปสู่การปฏิบัติ
ในที่นี้ ปราชญ์สัมมาชีพ ได้เสนอองค์ความรู้ในการการเลี้ยงกบในบ่อซีเมนต์ซึ่งเป็นอีกอาชีพหนึ่งที่สามารถทำรายได้เสริมให้กับครอบครัว โดยมีพ่อค้าคนกลางมารับซื้อถึงบ่อ กบสามารถนำมาประกอบอาหารได้หลายอย่างและเป็นที่นิยมของทางภาคอีสาน ดังนั้นการเลี้ยงกบจึงเป็นเพิ่มรายได้และลดรายจ่ายให้กับผู้ที่เลี้ยงได้อีกอาชีพหนึ่ง
วัตถุประสงค์ ->
1.เป็นการอนุรักษ์ภูมิปัญญาไว้ให้คนรุ่นหลังได้ศึกษาเรียนรู้
2.เป็นอาชีพเสริมเพิ่มราย/ลดค่าใช้จ่ายได้ให้กับคนในชุมชน
วัตถุดิบ (ถ้ามี) ->
ประกอบด้วยพ่อพันธ์ กบ แม่พันธ์กบ บ่อขนาด 2x3 เมตร ใช้พ่อพันธ์จำนวน 70 ตัวแม่พันธ์จำนวน 50 ตัว
อุปกรณ์ ->
-
กระบวนการ/ขั้นตอน->
บ่อที่ใช้เลี้ยงเป็นบ่อสี่เหลี่ยม ขนาด 2x3 เมตร ควรมีวัสดุปิดด้านบนเช่น กระเบื้อง เพื่อป้องกันไม่ให้กบตกใจ เครียดหรือโดนแสงแดด ในขณะเดียวกันก็สามารถเปิดให้ได้รับแสงแดดได้ด้วย การเลี้ยงควรแยกเพศ แบ่งเป็นบ่อพ่อพันธุ์และบ่อแม่พันธุ์ เมื่อถึงฤดูผสมพันธุ์จึงนำมารวมกันเพื่อให้จับคู่ ไม่ควรเลี้ยงกบหนาแน่นเกินไป อัตราการปล่อยที่เหมาะสม คือ 20 ตัวต่อตารางเมตร มีการเปลี่ยนถ่ายน้ำสม่ำเสมอ และควบคุมไม่ให้น้ำเสีย ให้อาหารวันละ 2 ครั้ง เมื่อใกล้ฤดูผสมพันธ์ให้ลดปริมาณอาหารลง มีการให้วิตามินและแร่ธาตุผสมอาหารเพื่อบำรุงระบบสืบพันธุ์
ข้อพึงระวัง ->
1.อุณหภูมิ ที่เหมาะสมต่อการผสมพันธุ์และการวางไข่ของกบต้องไม่ต่ำกว่า ๒๕ องศาเซลเซียส และไม่ควรมีอุณภูมิที่สูงเกินไปโดยปกติอุณหภูมิในประเทศไทยจะมีความเหมาะสมดีอยู่แล้ว
2.แสงสว่างเมื่อกบไข่แล้วหากแสงสว่างไม่เพียงพอ แม่กบจะไม่ยอมผละจากไข่จะยังเฝ้าและดูแลไข่ของตน และในกรณีการฟักไข่ ไข่ที่อยู่ในที่ร่มแสงแดดส่องไม่ถึงก็จะไม่ฟักออกเป็นตัว
3.ความชื้น โดยสัญชาตญาณกบจะไม่วางไข่ในที่แล้ง กบจะวางไข่ภายหลังฝนตกหรือระหว่างที่ฝนตก ดังนั้นในการกระตุ้นให้กบผสมพันธุ์และ วางไข่โดยวิธีการฉีดโปรยให้เหมือนกับมีฝนตก จะช่วยให้กบผสมพันธุ์และวางไข่ดีขึ้น
4.หลังจากผสมพันธุ์แล้ว 2-3 วัน ไข่กบที่จมอยู่ก้นบ่อก็จะค่อยๆลอยขึ้นพร้อมๆ กันมีวุ้นหุ้มโดยรอบ เพื่อช่วยป้องกันความร้อน และช่วยรักษาอุณภูมิให้เหมาะสมกับการฟักเป็นตัว
5. การเพาะพันธุ์ เติมน้ำในบ่อเพาะพันธุ์ให้ได้ระดับ 5-7 เซนติเมตรหรือท่วมหลังกบ ใส่พืชน้ำ เช่นผักบุ้ง ผักตบ ต้นหญ้า ใบตำลึง เพื่อเลียนแบบธรรมชาติ