ความเป็นมา / แรงบันดาลใจ / เหตุผลที่ทำ ->

บ้านโพนงาม เดิมชื่อบ้านขี้เถ้า ที่ตั้งชื่อเช่นนี้เพราะราษฎรนิยมใช้ขี้เถ้า เป็นปุ๋ยในการทำนา ต่อมาประมาณปี พ.ศ.2400 ได้เปลี่ยนชื่อเป็นบ้านโพนงาม ตามลักษณะภูมิประเทศ  มีอาชีพหลักคือการปลกข้าวหอมมะลิ เริ่มปลูกข้าวหอมมะลิกันอย่างจริงจัง เมื่อประมาณปี พ.ศ.2530 เนื่องจากรัฐบาล ส่งเสริม และมีราคาดีกว่าข้าวเหนียว มีตลาดรองรับ จนถือว่าเป็นอาชีพหลักขอหมู่บ้าน สร้างรายได้ให้กับการเกษตรแต่มีปัญหาพื้นที่ทำนาเกิดน้ำท่วม เนื่องจากเป็นที่ราบลุ่มใกล้แม่น้ำสงคราม ชาวบ้านโพนงามมีอาชีพเสริมคือการทอเสื่อ และจักสาน เพื่อไว้ใช้ในครัวเรือน ดังนั้นเวลาว่างฤดูทำนา สตรีในหมู่บ้านจึงได้รวมกลุ่มเพื่อทอเสื่อ เป็นอาชีพเสริม สร้างรายได้ให้กับครอบครัว

วัตถุประสงค์ ->

1.เป็นการอนุรักษ์ภูมิปัญญาไว้ให้คนรุ่นหลังได้ศึกษาเรียนรู้
2.เป็นอาชีพเสริมเพิ่มราย/ลดค่าใช้จ่ายได้ให้กับคนในชุมชน
3.ส่งเสริมการสร้างผลิตภัณฑ์ชุมชน (OTOP)
4.ส่งเสริมให้เกิดการรวมกลุ่มอาชีพ

วัตถุดิบ (ถ้ามี) ->

เส้นกก ชนิดลำตากแห้ง                               

อุปกรณ์ ->

1.เส้นไนล่อนหรือเส้นฟาง                   

2.โครงกี่         

3.ไม้ไผ่ส่งผือ

กระบวนการ/ขั้นตอน->

ขั้นตอนการเตรียมผือสำหรับทอ

1.นำต้นผือ(สด) ที่เก็บมาตัดตามยาวเป็นเส้นเล็กใหญ่ตามต้องการนำไปตากแดดให้แห้งเพื่อไม่ให้ผือขึ้นราและเก็บได้นาน
2.การย้อมสี ต้มน้ำให้เดือดใช้ใส่สีเคมีหรือสีธรรมชาติ นำผือที่ตากแห้งแล้วมาแช่น้ำ 30 นาที เพื่อให้ผือนิ่มม้วนใส่น้ำเดือดที่ใส่สีย้อมแล้วทิ้งไว้ 30 นาที นำออกล้างน้ำให้สะอาดแล้วนำไปตากแห้ง

ขั้นตอนการทอเสื่อผือ
1.เตรียมความพร้อมของโครงกี่ นำด้ายมาร้อยเข้ากับฟืมและโครงกี่จัดขนาดตามความต้องการ
2.นำผือที่ผ่านการย้อมสีและตากแห้งแล้วมาพรมน้ำให้นิ่ม เตรียมทอ
3.นำผือมาวางไว้ด้านคนทอถนัด สอดใส่ไม้ส่งผือตามลวดลายที่วางไว้ โดยสลับต้นปลาย – ปลายผือจนกระทั่งได้ขนาดของเสื่อตามต้องการ ตัดตกแต่งริมให้สวยงาม

ข้อพึงระวัง ->

1.กลุ่มให้ความสำคัญในการแซกเส้นขนาดสม่ำเสมอกันตากให้แห้ง
2.ก่อนย้อมควรนำผือที่ตากแห้งชุปน้ำให้เปียกแล้วจึงนำไปย้อมแล้วควรตากในร่ม ลมพัดผ่าน ไม่ให้ถูกแสงแดด ก็ทำให้สีที่ย้อมสม่ำเสมอ
3. การวางกี่เพื่อทอนั้นควรวางกี่ในที่ร่มไม่ให้แสงอาทิตย์ส่องถูกโดยตรงเพราะอาจทำให้สีซีดได้