การเพาะเห็ดฟาง
โดย : นายประมงค์ เทียบขุนทศ วันที่ : 2017-03-29-16:01:36ที่อยู่ : 91 หมู่ที่ 11 ตำบลบ้านผึ้ง
ความเป็นมา / แรงบันดาลใจ / เหตุผลที่ทำ ->
นายประมงค์ เทียบขุนทศ ผู้ใหญ่บ้านหนองปลาดุก หมู่ที่ 11 มีอาชีพทำนา อาชีพรอง คือ การเลี้ยงหมูขาย ปลูกพืชผัก เกษตรผสมผสาน จึงมีแนวความคิดที่จะเพาะเห็ดฟาง จึงได้การศึกษาจากที่ต่างๆ เพื่อที่จะได้มาเพาะในบ้านตนเอง เพราะต้นทุนในการผลิตไม่สูงมากนัก ประกอบกับระยะเวลาการเก็บผลผลิตเร็ว และเห็ดฟางเป็นเห็ดที่คนไทยนิยมบริโภคมานานมีรสชาติดีคุณค่าทางอาหารสูงเป็นอาหารพวกผักแต่มีคุณค่าสูงกว่าผักพบได้ตามธรรมชาติข้างกองฟางที่มีความชื้น
ปัจจุบันได้นำมาเพาะเพื่อบริโภคและจำหน่ายเป็นรายได้เสริมซ้ำยังสามารถเพาะได้ง่ายใช้วัสดุเศษเหลือทางการเกษตรมาเพาะได้เช่นฟางข้าวกากเปลือกถั่วไส้นุ่นต้นกล้วยผักตบชวาทลายปาล์ม กากเปลือกมันสำปะหลังมีวิธีการเพาะหลายรูปแบบเช่นการเพาะแบบกองสูงการเพาะแบบกองเตี้ยประยุกต์การเพาะในโรงเรือนการเพาะในเข่ง การเพาะเห็ดฟางแบบกองเตี้ยโดยใช้กากมันสำปะหลังและการเพาะเห็ดโดยใช้ตอซังฟางข้าวเพื่อเป็นทางเลือกให้ผู้สนใจได้นำไปเพาะเพื่อเป็นอาหารในครัวเรือนหรือเพาะเพื่อเป็นอาชีพเสริมรายได้ในครัวเรือนได้
วัตถุประสงค์ ->
1.เพื่อใช้เป็นอาหาร ซึ่งเป็นการลดรายจ่ายในครอบครัว
2.เป็นอาชีพเสริมสร้างรายได้ให้กับครอบครัว
วัตถุดิบ (ถ้ามี) ->
1. เชื้อเห็ดฟาง
2. อาหารเสริม เช่น ปุ๋ยยูเรียEM
อุปกรณ์ ->
1.กากมันสำปะหลัง
2.ไม้แบบขนาด.80*6 ม.
3. ไม้โครง ( ไม้ไผ่ผ่าซีก กว้าง 1 นิ้ว ยาว 1.60 เมตร
4.บัวรดน้ำ
5. น้ำสะอาดควรเป็นน้ำสระไม่เค็มจะดีที่สุด
6.อาหารเสริม ( มูลสัตว์แห้ง , ราละเอียด หรือ วัสดุอื่นที่หาได้ เช่น กากไส้นุ่น , จอกแห้ง ,คายข้าว )
7.พลาสติกสำหรับคลุมกองเห็ด
8. EM/น้ำหมักชีวภาพ
9.ปูนขาว
10.ฟางสำหรับคลุมกอง
11.จอบ
กระบวนการ/ขั้นตอน->
1. เตรียมแปลงเพาะโดยขุดตากดินยกแปลงเพื่อฆ่าเชื้อโรคตากทิ้งไว้ประมาณ7 วันย่อยดินให้ละเอียดขนาดแปลง กว้าง 1 เมตร ยาวตามความต้องการ
2. นำกากมันมาบรรจุในไม้แบบอัดเป็นแท่งพอแน่นจากนั้นถอดไม้แบบ แล้วอัดแท่งกากมันเรียงในแปลงที่เตรียมไว้ห่างกันแต่ละแท่ง 10-15 ซม. ถ้าอากาศเย็นให้ห่างกันน้อย ถ้าอากาศร้อนให้ห่างกันมากขึ้น
3.ขณะอัดแท่งกากมัน ถ้าแห้งให้รดน้ำพอชุ่มไม่ให้แท่งพังแตก
4.อัดแท่งกากมัน อย่างน้อยให้เต็มไม้แบบ เพื่อให้การควบคุมอุณหภูมิในแปลงไม่ให้เปลี่ยนแปลงมากเกินไป
5. โรยอาหารเสริมระหว่างช่องว่างของแท่งกากมันบางๆ
6. โรยเชื้อเห็ดฟาง บนอาหารเสริม โดยเชื้อเห็ดฟางต้องนำมาขยำรวมกันก่อน อัตราการใช้ 1 ถุง ต่อ 2 ตารางเมตร (แล้วแต่ขนาดถุง) แล้วรดน้ำให้ชุ่มทั่วแปลง
7.คลุมด้วยพลาสติกให้ชิดกองใช้พลาสติก 1 ผืนกลบชายพลาสติกด้วยดินให้สนิท
8.คลุมด้วยฟางแห้งทิ้งไว้ประมาณ 3-4 วัน
9. เส้นใยเห็ดจะเดินขาวฟูในกอง ทำการตัดใย โดยใช้น้ำสะอาดผสม EM และกากน้ำตารดบางๆ พอเส้นใยขาด
10.ขึ้นโครงโดยใช้ไม้ไผ่ปักโค้งห่างกันพอควรแล้วคลุมพลาสติกแบบเกยทับ 2 ผืน แล้วคลุมด้วยฟาง
11.หมั่นตรวจดูอุณหภูมิในกองเห็ด ถ้าร้อนจัดให้เปิดข้างกองตอนเช้าหรือเย็น ครั้งละ 5-10 นาที แล้วปิดตามเดิม
12.จากนั้นประมาณ 5-7 วัน ดอกเห็ดจะโตสามารถเก็บมาบริโภคและจำหน่ายได้
13. การเก็บดอกเห็ด ควรเก็บในช่วงเช้ามืดและเก็บเมื่อเห็ดขนาดดอกตูมหัวแหลมจะได้น้ำหนักดี แต่ถ้าจะเก็บเพื่อทำป่นให้เก็บดอกบานมาย่างไฟจะอร่อย
13.1จะสามารถเก็บเห็ดได้ ประมาณ 3-5 วัน ก็จะหมดรุ่น จากนั้นให้เปิดกองรดน้ำพอชุ่ม ปิดไว้อีก 5-7 วันเห็ดจะเกิดดอก ให้เก็บอีก 1 รุ่น แต่ดอกเห็ดจะเกิดน้อย
13.2 หลังเก็บดอกเห็ดหมด นำเศษที่เหลือไปหมักทำปุ๋ยชีวภาพต่อไป หรือนำไปใส่แปลงนา ไม้ผล แทนปุ๋ยเคมีได้ หรือถ้าเพาะในแปลงนาให้หยอดเมล็ดผัก แตง ถั่ว จะงอกงามดี
ข้อพึงระวัง ->
-