ความรู้สัมมาชีพชุมชน

ปลูกพืชผสมผสานเศรษฐกิจพอเพียง

โดย : นางสาวอัมพร สุทธิประภา วันที่ : 2017-04-03-10:54:12

ที่อยู่ : 129 หมู่ที่ 7 ตำบลแม่แฝก

ความเป็นมา / แรงบันดาลใจ / เหตุผลที่ทำ ->

จากสภาพเศรษฐกิจในปัจจุบันทำให้คนในสังคมเห็นแก่ตัวกันมากขึ้น แก่งแย่งแข่งขัน ความซื่อสัตย์ต่อตนเองและบุคคลอื่นจึงไม่มี ดังนั้นจึงเป็นเหตุผลที่หันมาทำการเกษตรปลูกพืชผสมผสานแนวทางเศรษฐกิจพอเพียง พออยู่พอกิน

วัตถุประสงค์ ->

วัตถุดิบ (ถ้ามี) ->

อุปกรณ์ ->

1. กระถาง

2. ดินปลูก

3. เมล็ดผัก

 

กระบวนการ/ขั้นตอน->

1. แบ่งพื้นที่ในสวนให้เหมาะสมและคุ้มค่า
         ก่อนอื่นเราต้องสำรวจพื้นที่ในสวนให้ถี่ถ้วนด้วยการตรวจสภาพดิน ทิศทางแสงแดด และลม จากนั้นก็เริ่มแบ่งพื้นที่ในสวนตามเกษตรทฤษฎีใหม่จากสูตร 30:30:30:10 ให้ง่ายและเหมาะสมกับพื้นที่ของเราเอง โดยปรับเป็นโซนแปลงผักสวนครัว โซนสมุนไพร โรงเรือนเห็ด ฟาร์มสัตว์เล็ก ๆ (เล้าไก่หรือฟาร์มไส้เดือนไซส์มินิ) และบ่อน้ำหลัก แต่ถ้าหากพื้นที่คับแคบเกินไปก็ไม่จำเป็นจะต้องแบ่งตามนี้ทุกประการ เลือกเฉพาะโซนที่เหมาะสมกับบ้านเราเท่านั้นก็ได้ค่ะ
2. DIY ระบบน้ำฉบับบ้าน ๆ ของคนรักสวน
         จากแนวคิดระบบการจัดการน้ำของในหลวง ทำให้เราได้เรียนรู้เรื่องน้ำมากขึ้นและสามารถนำไปปรับใช้ในสวนได้อย่างเหมาะสม ด้วยการขุดบ่อน้ำหลักเพื่อกักเก็บน้ำไว้ใช้ในสวนและต่อท่อไปยังแปลงปลูกทั้งหมดที่มี หรืออาจจะส่งตรงไปยังพืชที่ต้องการน้ำมากอย่างเดียวก็ได้เช่นกัน นอกจากนี้ยังสามารถเลี้ยงปลาไว้เป็นอาหารหรือปลูกพืชน้ำอย่างผักกระเฉดในบ่อได้อีกด้วย
3. ปรับดินให้มีคุณภาพด้วยการรับแสงแดดไม่ต้องฟุ่มเฟือยเพื่อบำรุงใหม่
         หากพบว่าสภาพดินในสวนไม่เอื้ออำนวยให้ปลูกพืชเท่าไร แนะนำให้พรวนดินและเปิดหน้าดินรับแสงแดดโดยตรง เพราะแสงแดดจะช่วยปรับสภาพดินให้มีสารอาหารที่เหมาะสมกับพืชหรือจะทำการผสมดินในขั้นตอนไปพร้อม ๆ กันเลยก็ได้ค่ะ
4. เลือกใช้กระถางที่ช่วยประหยัดน้ำและลดโลกร้อน
         วัสดุของกระถางต้นไม้ก็มีส่วนช่วยในการจัดสวนแบบพอเพียงได้เหมือนกัน เช่น กระถางที่ทำจากโลหะหรือสังกะสีจะดูดซับความร้อนจากแสงแดดเข้ามามาก ทำให้ดินขาดความชุ่มชื้นเพราะน้ำจะระเหยออกไปจนหมดและทำให้เราต้องรดน้ำบ่อยขึ้น ดังนั้นควรจะเปลี่ยนมาใช้กระถางที่สามารถกักเก็บความชื้นหรืออุ้มน้ำได้นาน ๆ แทน เช่น กระถางดิน ส่วนอีกหนึ่งวิธีก็คือการนำภาชนะเหลือใช้ในครัวเรือนมา DIY ใหม่ เช่น นำตะกร้าหรือขวดน้ำพลาสติกมาใช้ในการปลูกต้นไม้ ก็จะช่วยลดขยะไม่สร้างสภาวะโลกร้อนได้อีกทาง
5. ผสมปุ๋ยอินทรีย์ไม่มีสารเคมีเข้ามาเกี่ยวข้อง
         เมินหน้าใส่ปุ๋ยเคมีแล้วหันมาลงมือผสมปุ๋ยอินทรีย์ใช้เองกันดีกว่า ทั้งปลอดภัยไร้สารพิษและยังเป็นการประหยัดค่าใช้จ่ายไปในตัว ขอบอกก่อนเลยว่าปุ๋ยอินทรีย์นั้นมีอยู่ด้วยกัน 3 ชนิดคือ ปุ๋ยหมักจากซากพืชซากสัตว์ ปุ๋ยคอกจากมูลสัตว์ และปุ๋ยพืชสดจากพืชหน้าดินที่ย่อยสลาย แต่ในเมื่อสวนของเราเป็นฉบับครัวเรือน อาจจะทำตามทริคง่าย ๆ เหล่านี้
ปุ๋ยน้ำหมัก
         นำมูลสัตว์ 1 ส่วนมาผสมกับใบไม้แห้ง แกลบ ฟางหรือหญ้าแห้งแค่ 1 ส่วน รำ 1 ส่วนให้เข้ากันและพักไว้ หันมาผสมกากน้ำตาล 40 ซี.ซี. กับน้ำเปล่า 10 ลิตร และจุลินทรีย์อีก 40 ซี.ซี. ให้เข้ากัน จากนั้นนำไปราดและคลุกเคล้ากับส่วนผสมแรกให้ได้เนื้อที่พอดีไม่เหลวและไม่แห้งจนเกินไป วางปุ๋ยให้เป็นกองเพื่อหมักทิ้งไว้อีกสักสัปดาห์ครึ่งก็เป็นอันใช้ได้
- DIY หลุมหมักปุ๋ยกลางแปลงปลูกแบบ keyhole
         ไอเดียเพาะปลูกจากแอฟริกาที่เรานำมาปรับใช้ ก่อนอื่นต้องก่อแปลงปลูกให้เป็นวงกลมที่มีความสูงพอสมควร ขุดบ่อหรือหลุมไว้ตรงกลางแปลงเพื่อเอาไว้ใส่ซากพืชเปลือกไข่และสิ่งของที่สามารถย่อยสลายกลายเป็นปุ๋ยได้ลงไปหมักในนั้น ใช้ใบไม้แห้งและฟางแห้งคลุมหน้าเอาไว้ เท่านี้เราก็จะได้ปุ๋ยที่อยู่ในแปลงปลูกโดยอัตโนมัติแล้ว
6. ความชุ่มชื้นของดินคือสิ่งที่ต้องรักษา
         อีกหนึ่งวิธีการทำสวนให้พอเพียงนั้นก็คือการรักษาความชุ่มชื้นของดินเอาไว้ หากเราปล่อยปละละเลยเรื่องเล็ก ๆ อย่างนี้ไปรับรองว่าคุณต้องนอนก่ายหน้าผากบนกองบิลค่าน้ำเป็นแน่ มาเริ่มกันที่วิธีแรกด้วยการรองใต้กระถางด้านในด้วยกระดาษทิชชู แพมเพิสชิ้นใหม่ หรือเสื้อถักไหมพรมตัวเก่าเอามาคลุมหน้าดินด้วยแกลบและปลูกหญ้าแฝกไว้รอบ ๆ สวน วิธีทั้งหมดนี้จะช่วยกักเก็บน้ำไว้ในดินได้อย่างเหมาะสมและส่งผลให้พืชพรรณเจริญเติบโตออกดอกออกผลอย่างสวยงาม
7. ปลูกผักสวนครัวตามฤดูกาลให้มีกินตลอดทั้งปี
         สภาพอากาศตามฤดูกาลคือปัจจัยหลักที่ทำให้สวนอุดมสมบูรณ์พร้อมใช้งาน ดังนั้นเราจึงควรหันมาปลูกพืชให้ตรงกับฤดูกาลเพื่อให้มีกินมีใช้ได้ตลอดทั้งปีกันดีกว่าค่ะ
     - ฤดูร้อนควรปลูกมะระ, บวบ, ผักชี, น้ำเต้า, ผักกาดหอม, ข้าวโพดหวาน หรือถั่วฝักยาว
     - ฤดูฝน (ช่วงต้น) ให้ปลูกกวางตุ้ง, พริก, ผักกาดหอม, บวบ, ผักบุ้ง, มะเขือ, แตงกวา หรือกระเจี๊ยบเขียว
     - ฤดูฝน (ช่วงปลาย) ควรปลูกมะเขือเทศ, ขึ้นฉ่าย, แครอท, พริกหยวก, กะหล่ำปลี, ถั่วลันเตา หรือหอมใหญ่
     - ฤดูหนาวควรปลูกมะเขือเทศ, หอมใหญ่, ผักกาดขาว, ถั่วพู, ขึ้นฉ่าย, ผักชี, ตั้งโอ๋ หรือบรอกโคลี
8. ประเภทของพืชหลัก ๆ ที่ควรปลูกเอาไว้ในสวน

         เมื่อแบ่งพื้นที่ในสวนได้ตามที่ต้องการแล้วก็ควรจะเลือกพืชมาปลูกให้เหมาะสมตามประเภทหลัก ๆ ที่ควรจะมีไว้ใช้ประโยชน์ในบ้านดังนี้
     - พืชผักผลไม้แบบยืนต้นอย่าง มะม่วง กล้วย มะละกอ มะรุม และขนุน
     - พืชผักและไม้ล้มลุกอย่าง ถั่วฝักยาว มันเทศ มะเขือ มะลิ และซ่อนกลิ่น
     - พืชสมุนไพร เช่น พริกไทย หญ้าแฝก กะเพรา สะระแหน่ โหระพา ตะไคร้ บัวบก และพลู
     - เห็ดชนิดต่าง ๆ ที่ชื่นชอบ
 

ข้อพึงระวัง ->

เว็บไซต์สัมมาชีพชุมชนจังหวัดเชียงใหม่
กรมการพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย

โทรศัพท์ :
Email :
ที่อยู่ :

เกี่ยวกับเรา