ความเป็นมา / แรงบันดาลใจ / เหตุผลที่ทำ ->

ครอบครัวมาปลูกข้าวไรซ์เบอร์รีได้ประมาณ 3 ปี หลังจากได้เข้าร่วมโครงการของทางมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ที่รับประกันราคาข้าวพร้อมรับซื้อข้าว  และที่เปลี่ยนมาปลูกข้าวไรซ์เบอร์รีเพราะเห็นถึงคุณประโยชน์ของข้าวไรซ์เบอร์รี

       โดยข้าวไรซ์เบอร์รี มีคุณสมบัติในการต้านอนุมูลอิสระ โดยมีสารเบตาแคโรทีน แกมมาโอไรซานอล วิตามินอี แทนนิน สังกะสี โฟเลตสูง ป้องกันความเสี่ยงเป็นโรคมะเร็ง มีดัชนีน้ำตาลต่ำ ช่วยให้ผู้ป่วยโรคเบาหวานสามารถกินข้าวชนิดนี้ได้ ซึ่งครอบครัวเองประสบปัญหาเรื่องของโรคเบาหวาน  จึงคิดว่าน่าจะเปลี่ยนมาปลูกข้าวชนิดนี้เพื่อจำหน่าย และยังใช้รับประทานภายในครอบครัวได้อีกด้วย

วัตถุประสงค์ ->

เป็นพันธุ์ข้าวที่กำลังได้รับความสนในจากเกษตรกร เพราะจะเป็นการปลูกข้าวที่ลดการใช้สารเคมี เป็นการพึ่งพาการทำนาแบบเกษตรอินทรีย์ ข้าวไรซ์เบอรี่ อุดมไปด้วยคุณค่าทางอาหารสูง

ข้าวไรซ์เบอร์รี่กำลังเป็นที่ต้องการของตลาด เพราะเป็นข้าวปลอดสารพิษ อีกทั้งต้นทุนการผลิตต่ำ

วัตถุดิบ (ถ้ามี) ->

-พันธุ์ข้าวไรซ์เบอรี่

          - ปุ๋ยชีวภาพ

อุปกรณ์ ->

-รถไถ

          -กระบะเพาะเมล็ดพันธุ์ข้าว

          -มุ้งเขียวทำโรงเรือนเพาะเมล็ดพันธุ์ข้าว

         

กระบวนการ/ขั้นตอน->

การปลูกข้าวไรซ์เบอรี่

-การไถ 3 ครั้ง ครั้งที่ 1 ไถดะ ครั้งที่ 2 ไถพรวน ครั้งที่ 3 ไถพรวน ซึ่งจากการไถ 3 ครั้งทำให้แปลงนาไม่มีวัชพืชขึ้นและทำให้ดินร่วนซุย

-การปรับปรุงบำรุงดิน มีการปลูกปอเทียงและไถกลบฟางข้าว

-การปลูกใช้วิธีหว่าน โดยใช้เมล็ดพันธุ์ 15 กก/ ไร่ หว่านช่วงเดือน มิถุนายน – กรกฎาคม

-ก่อนหว่านคลุกเมล็ดด้วยเชื้อราไตรโคเดอร์มา ซึ่งทำให้ระบบรากแข็งแรงความยาวของรากเจริญเติบโตดี การหว่านข้าวมีการใช้ปุ๋ยอินทรีย์รองพื้น 150 กก. / ไร่

-การใส่ปุ๋ย หลังจากหว่านแล้ว 1 เดือน ใส่ปุ๋ยหมักที่ผสมกับเชื้อราไตรโคเดอร์มา 150 กก. / ไร่

-การเก็บเกี่ยว เก็บเกี่ยวด้วยตนเองด้วยการเกี่ยวมือ

-จำหน่าย กิโลกรัมละ 40 บาท ในตลาดท้องถิ่น

ข้อพึงระวัง ->

-การคัดเลือกเมล็ดพันธุ์  อายุการเก็บเกี่ยว

-พื้นที่มีลักษณะภูมิประเทศและภูมิอากาศเหมาะสำหรับปลูกข้าวไรซ์เบอรี่ กล่าวคือ ในช่วงเดือนพฤศจิกายน-เดือนธันวาคม