การปลูกกล้วยน้ำว้าพันธุ์ปากช่อง ๕๐
โดย : นายจิรวัฒน์ ปวารณา วันที่ : 2017-03-13-19:59:20ที่อยู่ : ๑๑๓ หมู่ที่ ๑ ตำบลโนนทอง อำเภอเกษตรสมบูรณ์ จังหวัดชัยภูมิ
ความเป็นมา / แรงบันดาลใจ / เหตุผลที่ทำ ->
กล้วยน้ำว้าที่ใครๆเห็นนั้นอาจจะมองว่าธรรมดา แต่ความจริงแล้วกล้วยน้ำว้ามีประโยชน์มากมาย และใช้ประโยชน์ได้เกือบทุกส่วน เหมาะสำหรับเกษตรกรที่จะปลูกอย่างยิ่ง เพราปัจจุบันราคากล้วยน้ำว้าสูงมาก ราคาตลาดขายส่งหวีละ ๒๐ บาท ราคา ตลาดขายปลีก หวีละ ๓๐ – ๕๐ บาทที่เดียว กล้วยน้ำว้ามีสารอาหารหลายชนิด ได้แก่ วิตามินเอ บี๑ บี๒ บี๖ และวิตามินซี ซึ่งช่วยกระตุ้นระบบภูมิต้านทานของร่างกาย นอกจากนี้ กล้วยน้ำว้ายังมีกรดอะมิโนอาร์จินินและอิสติดิน ซึ่งมีความจำเป็นต่อการเจริญเติบโตของเด็กทารก ถึงเป็นเหตุผลที่ผู้ใหญ่มักให้เด็กๆ กินกล้วยน้ำว้าบด เพราะอุดมด้วยสารอาหารและวิตามินที่จำเป็นต่อร่างกายกล้วยน้ำว้า ๑ ผล ให้พลังงาน ๑๐๐ แคลอลี่ มีน้ำตาลธรรมชาติ ๓ ชนิด ได้แก่ ซูโคลส ฟรุคโตส และกลูโคลส มีเส้นใยและสารอาหารทำให้ขับถ่ายง่าย
วัตถุประสงค์ ->
๑. เพื่อเพิ่มรายได้ให้แก่ครอบครัว
๒. เพื่อใช้เวลาว่างหลังเกษียณอายุราชการให้เกิดประโยชน์
วัตถุดิบ (ถ้ามี) ->
๑. ต้นพันธุ์กล้วยน้ำว้าปากช่อง ๕๐
๒. ปุ๋ยหมัก
๓. ปุ๋ยคอก
๔. ปุ๋ยสูตร ๑๕-๑๕-๑๕
๕. น้ำ
อุปกรณ์ ->
๑. รถไถ
๒. จอบ เสียม
๓. สายยางสำหรับรถน้ำต้นกล้วย หรือทอ พี วี ซี เพื่อติดตั้งระบบน้ำแบบสปริงเกอร์
กระบวนการ/ขั้นตอน->
๑. ทำการคัดเลือกพันธุ์ ใช้ต้นพันธุ์กล้วยน้ำว้าปากช่อง ๕๐ จากการเพาะเนื้อเยื่อ ซึ่งจะทำให้กล้วยปลอดโรคและออกลูกพร้อมกัน
๒.ทำการเตรียมดินในแปลงที่จะปลูก ทำการไถดะด้วยผาลสาม ตากดินทิ้งไว้ประมาณ ๑๕ วัน แล้วไถแปรด้วยผาลห้าอีกรอบตากดินทิ้งไว้อีก ๑๕ วัน
๓. กำหนดขนาดและระยะห่างของหลุมปลูก ขนาดหลุมปลูก (กว้างXยาวXลึก) ๕๐x๕๐x๕๐ เซนติเมตร การขุดหลุมขนาดนี้จะทำให้รากกล้วยหากินได้ไกลขึ้นความลึกของหลุมก็จะแก้ปัญหากล้วยขึ้นโคนง่าย โดยการปลูกครั้งหนึ่งสามารถเก็บผลผลิตได้ถึง ๔-๕ ปี หากหลุมเล็กกว่านี้จะให้ผลผลิตแค่ปีสองปีต้องรื้อปลูกใหม่ ระยะห่างของหลุมปลูก ๓x๓ เมตร
๔. การปลูกต้นพันธุ์ ก่อนการปลูกใส่ปุ๋ยรองก้นหลุมด้วยปุ๋ยคอกผสมดินในปริมาณที่เท่ากันหลุมละ ๒ กิโลกรัม รองหนาขึ้นประมาณ ๓๐ เซนติเมตร แล้วจึงปลูกกล้วยกลบโคนต้นให้แน่น ทำแอ่งดินรอบต้นเพื่อเก็บน้ำรักษาความชื้นของดิน ปลูกเสร็จรดน้ำตามทันทีให้ชุ่มเพียงพอ ป้องกันการเหี่ยวเฉา ใบแห้งและยุบตัว บางต้นตาย บางต้นแตกต้นใหม่ทำให้อายุไม่เท่ากัน
๕. การรดน้ำ รดน้ำทุกๆ ๒-๓ วัน ให้ดินชุมชื้นเพียงพอ ทำอย่างสม่ำเสมอ เว้นแต่วันใดฝนตกต้องงดรดน้ำ หากให้น้ำแบบฝอยหรือมินิสปริงเกอร์จะทำให้ต้นตั้งตัวได้เร็วกว่าปกติ สามารถสร้างใบและลำต้นใหม่ได้ดีมีโอกาสรอดสูง
๖. การให้ปุ๋ย หลังปลูกได้ ๑ สัปดาห์ ใส่ปุ๋ยสูตร ๑๕-๑๕-๑๕ ประมาณ ๑๐๐-๑๕๐ กรัมต่อต้น เมื่อครบ ๑ เดือน ใส่ปุ๋ยสูตร ๑๕-๑๕-๑๕ ประมาณ ๑๐๐-๑๕๐ กรัมต่อต้น เมื่อครบ ๒ เดือน ใส่ปุ๋ยสูตร ๑๕-๑๕-๑๕ ประมาณ ๑๐๐-๑๕๐ กรัมต่อต้น ส่วนเดือนที่ ๓ ใช้ปุ๋ยหมักหรือปุ๋ยคอกแทน พอเดือนที่ ๔ และ ๕ การเจริญเติบโตของกล้วยจะเร็วมากทั้งความสูงและรอบวงต้นเหมือนกับการปลูกด้วยหน่อพันธุ์ใน ๒ เดือนนี้ใส่ปุ๋ยสูตร ๑๕-๑๕-๑๕ ประมาณ ๑๐๐-๑๕๐ กรัมต่อต้น ส่วนเดือนที่ ๖ ใส่ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมัก แล้วงดใส่ปุ๋ยจนกว่ากล้วยจะแทงปลีถึงจะใส่ปุ๋ยเคมีอีกครั้ง แล้วรอจนหลังเก็บเกี่ยวจึงจะเริ่มให้ปุ๋ยในรอบใหม่
๗. การกำจัดวัชพืช ในเดือนที่ ๒ เดือนที่ ๓ ต้นกล้วยจะมีต้นและใบใหม่ทั้งหมด ตอนนี้จะมีหญ้าและวัชพืชอื่นขึ้นปกคลุมต้องดายหญ้าและวัชพืชอื่นรอบๆ บริเวณโคนต้นออกให้หมด
๘. การตัดแต่งหน่อ ในช่วง ๑-๖ เดือนต้องปาดหน่อที่โผล่ออกทิ้ง พออายุหลัง ๖ เดือนให้ไว้หน่อที่ ๑ และไว้หน่อที่ ๑,๓,๔,๕ ระยะห่างกัน ๓ เดือน โดยปาดหน่อที่ขึ้นมาไม่ตรงตามกำหนดทิ้งทั้งหมด เมื่อไว้หน่อที่ ๕ ต้นแม่ก็เก็บเกี่ยวเครือกล้วยได้แล้ว และในช่วงการออกปลีกล้วยจะงดการไว้หน่อเพื่อให้เครือและผลกล้วยสมบูรณ์เต็มที่ การไว้หน่อไว้ ๔ หรือ ๕ หน่อต่อกอ เครือเก่าสุกเครือใหม่จะออกมาพอดี
๙. การตัดแต่งใบ ตัดใบกล้วยที่เหลืองเกิน ๕๐% ทิ้งไป พร้อมตัดใบที่หักงอทิ้ง ต้นกล้วยจะไม่รกรุงรังและดูสวยงามด้วย
๑๐. การตัดปลีกล้วย เมื่อเครือกล้วยออกลูกหมดแล้วให้ตัดปลีออกจากหวีสุดท้ายนับไปอีก ๑-๒ หวี จึงตัด จะได้ไว้จับตอนที่ตัดเครือ และใช้ปูนแดงหรือยากันราเพื่อป้องกันการเน่า
๑๑.โรคและแมลง โรคกล้วยจะมีน้อยมาก โรคที่มักจะพบ คือ โรคไฟท้อบโทร่าหรือเชื้อไฟท้อบโทร่า ทำให้รากเน่า ใบแห้งเหลือง หรือที่เรียกว่าตายพราย แก้โดยสารแคปแทน ๔๐ กรัมต่อน้ำ ๒๐ ลิตร ฉีดพ่นหลุมโดยรอบ
๖. ข้อพึงระวัง
ศึกษาปัญหาที่เกิดอย่างรอบคอบ จากข้อมูลหลายๆ ด้าน แล้วจึงพิจารณาหาทางแก้ไขให้ถูกจุดตามประเด็นปัญหาหรือการพัฒนาอาชีพ
ข้อพึงระวัง ->
ศึกษาปัญหาที่เกิดอย่างรอบคอบ จากข้อมูลหลายๆ ด้าน แล้วจึงพิจารณาหาทางแก้ไขให้ถูกจุดตามประเด็นปัญหาหรือการพัฒนาอาชีพ