พรมทอมือเอนกประสงค์
โดย : นางอุษา วัฒนะ วันที่ : 2017-03-06-08:08:19ที่อยู่ : 16/1 ม.1 ต.บ้านปึก อ.เมืองชลบุรี
ความเป็นมา / แรงบันดาลใจ / เหตุผลที่ทำ ->
ในอดีต “ตำบลบ้านปึก” อำเภอเมืองชลบุรี จังหวัดชลบุรี พื้นทีตั้งอยู่ใกล้ทะเล ประชาชนส่วนใหญ่ประกอบอาชีพประมง อาชีพเสริมคือการทอผ้า เช่นผ้าถุง ผ้าขาวม้า ผ้าโสร่งไว้ ใช้เอง สั่งซื้อวัตถุดิบ(ด้ายทอ) มาจากตำบลอ่างศิลาที่ผ่านกระบวนการย้อมสีเรียบร้อยแล้ว มาขยำรวมกับข้าวสุกเพื่อให้เส้นด้ายเหนียวและมีความคงทน ความเจริญทางด้านสังคมและประชาชนส่วนใหญ่ออกไปทำงานนอกบ้าน ไม่สนใจอาชีพทอผ้าคงเหลือไว้เพียงผู้สูงอายุที่ไม่สามารถออกไปทำงานนอกบ้านประมาณ 4- 5 คน นำโดยนางไอร์ เสริมศรี ซึ่งเป็นบุคคลที่ได้รับการทอผ้ามาจากบรรพบุรุษ
ประมาณปี พ.ศ. 2545 การทอผ้าบ้านปึกกลับมาฟื้นฟูอีครั้ง โดยได้รับการสนับสนุนจากสภา-วัฒนธรรมและนางไอร์ เสริมศรี ถ่ายทอดความรู้การทอผ้าให้กับเยาวชนในโรงเรียนวัดใหม่เกตุงาม เมื่อปีพ.ศ. 2553 นางไอร์ เสริมศรี ได้เสียชีวิตลง ผ้าทอบ้านปึกก็ได้หยุดดำเนินการไป
นายนคร วรรัตน์ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 1 ตำบลบ้านปึก ได้รวมกลุ่มบุคคลที่มีความรู้ด้านทอผ้า ประกอบด้วย 1. นายสมพร พรหมอินทร์ ความรู้ด้านการขึ้นเชือก
2. นายจำนอง จิระประภาภรณ์ ความรู้ด้านการขึ้นเชือก
3. นายประดิษฐ์ ทองวิบูลย์ ความรู้ด้านการขึ้นเชือก
4. นางมานะ จันทร์กล่ำ ความรู้ด้านทอผ้า
5. นางสุภา เฟื่องฟูผล ความรู้ด้านการทอผ้า
มาถ่ายทอกการทอและปรับใช้ในการทำพรมทอมือ และด้านเรียนเชิญวิทยากรจากศูนย์ศิลปาชีพบางไทร จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ออกแบบลวดลาย ขั้นตอน วิธีการทำพรมทอมือแบบต่าง ๆ ตามแนวคิดปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง คือการหาซื้อเศษผ้าที่เหลือใช้จากโรงงานอุตสาหกรรมมาสร้างมูลค่าเพิ่มและรายได้ให้กับกลุ่ม ลวดลายจะเป็นแบบดั้งเดิมการขึ้นเชือกแต่ละครั้งต้องใช้เวลาเป็นชั่วโมง สินค้าที่ผลิตได้ก็จำนวนน้อย กลุ่มจึงได้หาเครื่องทอมือที่ใช้เวลาในการขึ้นเชือกเร็วและสามารถผลิตสินค้าได้จำนวนมากขึ้น ลวดลายที่ทอในครั้งแรกจะเป็นลายไส้ปลาไหล ปัจจุบันกลุ่มได้พัฒนาลวดลายจำนวนมากเช่น ลายธนู ลายตาราง ลายหมากฮอส ลายก้างปลา ลายลูกกวาด ฯลฯ ผลิตภัณฑ์ของกลุ่มเป็นที่ยอมรับของบุคคลทั่วไปและสามารถเป็นแหล่งเรียนรู้ในการศึกษาดูงานให้แก่หน่วยงานภาครัฐและเอกชน
ในอดีต “ตำบลบ้านปึก” อำเภอเมืองชลบุรี จังหวัดชลบุรี พื้นทีตั้งอยู่ใกล้ทะเล ประชาชนส่วนใหญ่ประกอบอาชีพประมง อาชีพเสริมคือการทอผ้า เช่นผ้าถุง ผ้าขาวม้า ผ้าโสร่งไว้ ใช้เอง สั่งซื้อวัตถุดิบ(ด้ายทอ) มาจากตำบลอ่างศิลาที่ผ่านกระบวนการย้อมสีเรียบร้อยแล้ว มาขยำรวมกับข้าวสุกเพื่อให้เส้นด้ายเหนียวและมีความคงทน ความเจริญทางด้านสังคมและประชาชนส่วนใหญ่ออกไปทำงานนอกบ้าน ไม่สนใจอาชีพทอผ้าคงเหลือไว้เพียงผู้สูงอายุที่ไม่สามารถออกไปทำงานนอกบ้านประมาณ 4- 5 คน นำโดยนางไอร์ เสริมศรี ซึ่งเป็นบุคคลที่ได้รับการทอผ้ามาจากบรรพบุรุษ
ประมาณปี พ.ศ. 2545 การทอผ้าบ้านปึกกลับมาฟื้นฟูอีครั้ง โดยได้รับการสนับสนุนจากสภา-วัฒนธรรมและนางไอร์ เสริมศรี ถ่ายทอดความรู้การทอผ้าให้กับเยาวชนในโรงเรียนวัดใหม่เกตุงาม เมื่อปีพ.ศ. 2553 นางไอร์ เสริมศรี ได้เสียชีวิตลง ผ้าทอบ้านปึกก็ได้หยุดดำเนินการไป
นายนคร วรรัตน์ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 1 ตำบลบ้านปึก ได้รวมกลุ่มบุคคลที่มีความรู้ด้านทอผ้า ประกอบด้วย 1. นายสมพร พรหมอินทร์ ความรู้ด้านการขึ้นเชือก
2. นายจำนอง จิระประภาภรณ์ ความรู้ด้านการขึ้นเชือก
3. นายประดิษฐ์ ทองวิบูลย์ ความรู้ด้านการขึ้นเชือก
4. นางมานะ จันทร์กล่ำ ความรู้ด้านทอผ้า
5. นางสุภา เฟื่องฟูผล ความรู้ด้านการทอผ้า
มาถ่ายทอกการทอและปรับใช้ในการทำพรมทอมือ และด้านเรียนเชิญวิทยากรจากศูนย์ศิลปาชีพบางไทร จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ออกแบบลวดลาย ขั้นตอน วิธีการทำพรมทอมือแบบต่าง ๆ ตามแนวคิดปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง คือการหาซื้อเศษผ้าที่เหลือใช้จากโรงงานอุตสาหกรรมมาสร้างมูลค่าเพิ่มและรายได้ให้กับกลุ่ม ลวดลายจะเป็นแบบดั้งเดิมการขึ้นเชือกแต่ละครั้งต้องใช้เวลาเป็นชั่วโมง สินค้าที่ผลิตได้ก็จำนวนน้อย กลุ่มจึงได้หาเครื่องทอมือที่ใช้เวลาในการขึ้นเชือกเร็วและสามารถผลิตสินค้าได้จำนวนมากขึ้น ลวดลายที่ทอในครั้งแรกจะเป็นลายไส้ปลาไหล ปัจจุบันกลุ่มได้พัฒนาลวดลายจำนวนมากเช่น ลายธนู ลายตาราง ลายหมากฮอส ลายก้างปลา ลายลูกกวาด ฯลฯ ผลิตภัณฑ์ของกลุ่มเป็นที่ยอมรับของบุคคลทั่วไปและสามารถเป็นแหล่งเรียนรู้ในการศึกษาดูงานให้แก่หน่วยงานภาครัฐและเอกชน
วัตถุประสงค์ ->
คนสูงอายุได้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์
วัตถุดิบ (ถ้ามี) ->
1. กรรไกร
2. เชือกไนล่อน ขนาด 200 กรัม และ 500 กรัม
3. เศษผ้า
4. ไม้กั้นผ้า
5. ไม้เฟรม
6. กี่ทอ
อุปกรณ์ ->
กระบวนการ/ขั้นตอน->
1 นำเชือกไนล่อนขึ้นเฟรมโดยร้อยทวนกี่ดึงให้ตึง ใช้เวลาไม่เกิน 3 ชั่วโมง ขั้นตอนนี้จะต้องใช้บุคคลจำนวน 2 คน
2. คัดแยกเศษผ้าขนาดกว้าง 2 เซนติเมตร ตามสีและขนาดของเฟรม
3. นำเศษผ้ามายึดให้ตึง ความของเศษผ้า 50 เซนติเมตรเป็นต้นไปแล้ว
4. นำเศษผ้าที่ดึงเรียบร้อยแล้วมาใส่เฟรมทีละเส้นตามแบบและลวดลาย ตามขนาดของพรมที่ต้องการ มี 4 ขนาด
- ขนาดเล็ก กว้าง 40 ยาว 50 เซนติเมตร
- ขนาดกลาง กว้าง 40 ยาว 60 เซนติเมตร
- ขนาดใหญ่ กว้าง 60 ยาว 70 เซนติเมตร
- ขนาดพิเศษ กว้าง 90 ยาว 1.80 เซนติเมตร
5. เมื่อได้พรมฯตามขนาดทีต้องการแล้วตัดออกจากเครื่อง ในการทอแต่ละครั้งขนาดกลางจะได้พรมจำนวน 10 ผืน
6. ตัดพรมออกจากกี่ทอผูกเชือกซ่อนปลายเชือกทั้งหัวและท้ายไม่ให้เศษผ้าหลุดออกมา
7. ตรวจสอบความเรียบร้อยและตัดเก็บปลายผ้าของพรมแต่ละชิ้นให้เสมอกัน
ข้อพึงระวัง ->