การเลี้ยงกบ
โดย : นายสุชาติ ก้อมมังกร วันที่ : 2017-03-17-20:01:42ที่อยู่ : 51/1 ม.4 ต.หนองกุงธนสาร
ความเป็นมา / แรงบันดาลใจ / เหตุผลที่ทำ ->
ตลาดกบในความจริง จะต่างกับที่คุณฝันไว้เยอะ เป็นคำที่เพื่อนพูและเป็นจริงเนื่องจากอาชีพเกษตร ไม่ว่าจะเป็นการเลี้ยงสัตว์ หรือทำนา หรืออื่นๆ ถ้าถามว่ามีตลาดรองรับมั้ย ก็ต้องตอบได้เลยว่ามีตลาดรองรับ ใครทำถูกเวลาเขาก็ว่ามีตลาดรองรับเยอะ ไม่พอขาย ใครทำผิดฤดูก็เจ้งแล้วบ่นว่าล้นตลาดหรือตลาดตัน ทั้งหมดนี้ คือ ความจริงที่ว่า เกษตรกรแต่ละท่านมีความรู้แตกต่างกัน มีทั้งมือใหม่ มือเก๋า จะให้มือใหม่ๆขายผลผลิตที่ตนเองมีได้ดีเท่าผู้ที่ทำมาก่อนทำมานานแล้วจึงเป็นเรื่องยาก ดังนั้นคนที่เริ่มต้นใหม่ต้องค่อยๆเก็บประสบการณ์ อย่าโทษแต่ว่าตลาดตัน ให้มองว่าที่ตันคือ ความรู้ของเราต่างหาก ที่ยังมีแค่เพียงน้อยนิด
วัตถุประสงค์ ->
-ให้คนในชุมชนมีอาชีพเสริม
-มีความรู้เรื่องการเลี้ยงกบ
-เพื่อเป็นการลดรายจ่าย-เพิ่มรายได้ให้กับครัวเรือน
วัตถุดิบ (ถ้ามี) ->
พ่อพันธุ์ แม่พันธุ์กบ หัวอาหาร
อุปกรณ์ ->
- พลาสติก
- ยางรถยนต์เพื่อให้กบอาศัย
- โรงเรือน
กระบวนการ/ขั้นตอน->
1. ต้องศึกษาหาความรู้เบื้องต้นในการเลี้ยงกบจากฟาร์มกบโดยตรงหรือผู้ที่เลี้ยงกบอยู่แล้ว
2. กำหนดต้นทุนที่จะใช้เลี้ยงและเงินหมุนเวียนต่อเดือน
3. เลือกรูปแบบการเลี้ยงให้เหมาะสมกับพื้นที่และระบบการเปลี่ยนถ่ายน้ำ
4. หาฟาร์มกบ ที่จำหน่ายพันธุ์ลูกกบ ในบริวเณใกล้เคียง เพื่อสะดวกต่อการขนย้ายลูกกบ
5. ผู้เลี้ยงต้องพร้อมและมีเวลาพอสมควรเพราะการเลี้ยงกบเพื่อขายต้องหมั่นเปลี่ยนถ่ายน้ำ หมั่นคัดขนาดลูกกบ เพื่อป้องกันกบเป็นโรคและกัดกินกันเอง
6. ยังไม่ต้องกังวลเรื่องสายพันธุ์กบมากนัก ให้ไปซื้อลูกพันธุ์จากฟาร์มใดก็ได้มาทดลองเลี้ยงดูก่อน เพราะว่าทุกฟาร์มย่อมมีสายพันธุ์กบที่ตลาดต้องการอยู่แล้ว (ถ้าสายพันธุ์ของเขาไม่ดีจริงๆ เขาคงไม่กล้าเลี้ยงเยอะๆไว้เพื่อขายหรอกครับ)
7. ยังไม่ต้องกังวลเรื่องการตลาดและที่ขายจนเกินไป เนื่องจากสินค้าเกษตรต้องผลิตให้ได้ก่อน จึงจะเสนอขายได้8. การเลี้ยงกบจะเริ่มช่วงเดือนใดก็ได้ ไม่จำเป็นต้องรอให้เป็นช่วงที่ราคาดีๆ
9. อย่าทุบหม้อข้าวหม้อแกง แบบรอรายได้จากการเลี้ยงกบเท่านั้น ท่านต้องมีอาชีพอื่นๆทำควบคู่ไปก่อน เพราะอาชีพเกษตรจะยากตรงที่เราควบคุมธรรมชาติ ไม่ได้ คาดเดายากครับ
10. อย่าท้อแท้เมื่อเลี้ยงครั้งแรกๆแล้วพบว่ากบตายไปมาก เพราะเป็นปกติที่การเริ่มเลี้ยงในระยะแรกๆจะต้องไม่มีผลกำไร ให้ลงทุนต่อไปและแก้ไขปัญหาต่างๆที่พบโดยปรึกษาผู้รู้หรือผู้ที่เลี้ยงกบมาก่อน
11. ผู้ที่เริ่มเลี้ยงแนะนำให้หาซื้อลูกพันธุ์กบมาทดลองเลี้ยงสัก 1 ปี ก่อน แล้วค่อยหาพ่อแม่พันธุ์กบมาเพาะเองต่อไป จะคุ้มค่าเงินและเวลามากกว่า
12. ราคาที่พ่อค้าคนกลางรับซื้อกบที่หน้าฟาร์มส่วนใหญ่ต่ำสุดที่ 23 บาท/กก. สูงสุดที่ 65 บาท/กก. และขายปลีกตามท้องตลาด
ข้อพึงระวัง ->
1. ถ้าใช้เป็นน้ำคลองที่มีการไหลและหมุนเวียนตลอด จะนำมาเลี้ยงกบได้ดีที่สุด กบแข็งแรง ไม่ค่อยมีโรคอัตรารอดสูงกว่า
2. การใช้น้ำบาดาล บางที่นำมาใช้เลี้ยงได้เลย แต่หลายๆที่ยังคงต้องนำมาใส่บ่อพักไว้ก่อน เพื่อตรวจวัดให้ได้คุณภาพที่ดีพอก่อนนำไปใช้
3. น้ำประปา ที่มีคลอลีนไม่มากนัก สามารถนำมาเลี้ยงกบได้ แต่อาจไม่คุ้มค่ามากนัก
4. การใส่กบอย่างหนาแน่น และถ้าน้ำหมุนเวียนดีๆ จะดีกว่าใส่กบจำนวนน้อย เพราะการใส่ให้หนาแน่นกบจะกินอาหารดีและทั่วถึงกว่า(เห็นตัวอื่นๆกิน ก็จะวิ่งมากินตามๆกัน)
5. ผู้ที่เพิ่มเริ่มเลี้ยง แนะนำให้ซื้อลูกพันธุ์กบที่มีตัวโตๆไปทดลองเลี้ยงก่อน เพราะโอกาสรอดจะสูง และแข็งแรงกว่าลูกกบเล็ก
6. ช่วงต้นฤดูฝนใหม่ๆ กบจะเป็นโรคต่างๆได้ง่าย เช่น โรคตาขาว โรคกระแตเวียน โรคปากแดง โรคเป็นแผลพุพอง จึงต้องระวังในการเลี้ยงเป็นพิเศษ และให้ยาตามความเหมาะสม