ความเป็นมา / แรงบันดาลใจ / เหตุผลที่ทำ ->

จากที่เคยประกอบอาชีพทำนาเป็นหลัก พอหลังจากฤดูเก็บเกี่ยวแล้วก็ว่างงาน ไม่มีงานทำ  เลยหันมาปลูกพืชหลังฤดูเก็บเกี่ยวในที่นา คือ การปลูกระบบน้ำหยด ทำเป็นน้ำหยดลงต้นพืช ทำให้ใช้น้ำน้อย ประหยัดค่าน้ำมันและน้ำในธรรมชาติ

 

วัตถุประสงค์ ->

เพิ่มรายได้ ลดรายจ่าย มีเงินหมุนเวียนใช้จ่ายในครอบครัว

วัตถุดิบ (ถ้ามี) ->

เมล็ดพริก  ปุ๋ยคอก 

อุปกรณ์ ->

ถาดเพาะ พลาสติคุมแปลงพริก อุปกรณ์ทำระบบน้ำหยด

กระบวนการ/ขั้นตอน->

๑.     เตรียมดิน ไถเตรียมดินด้วยรถไถใช้ฝาน ๓ หว่านปุ๋ยคอกในอัตรา ๑๒๐ กระสอบปุ๋ย/ไร่

และหว่านปูนขาวในอัตรา ๑๐๐ กิโลกรัม เพื่อปรับปรุงดินก่อนแปลง หว่านเสร็จให้ใช้รถไถฝานพวนไถกลบ

๑.     การเพาะกล้าให้ใช้เมล็ดพันธุ์ที่ตลาดมีความต้องการ เช่น พันธุ์ซูปเปอร์ฮอทหรือพันธุ์

สาริกา เป็นพริกขี้หนูลูกผสม เพาะใส่ถาดเพาะขนาด ๑๐๔ หลุม/ใบ ๑ ไร่ เพาะ ๓๕-๔๐ ถาด ดินที่ใช้เพาะดินคลาสแมนของเยอรมัน

๒.     ต้นกล้าพริกอายุ ๒๕-๓๐ วันพร้อมปลูก

๓.     ไถยกร่องระหว่าง ๑.๕ เมตร

๔.     วางระบบน้ำหยด

๕.     ปูพลาสติกกุมแปลงและปลูกพริก

๖.     พริกอายุ ๓๐ วัน หลักปลูกขึงเชือกฟางป้องกันต้นพริกล้ม

๗.     พริกอายุ ๔๐-๕๐ พริกจะออกดอกและติดลูก

๘.     พริกอายุ ๗๕ วัน หลังปลูกพริกจะเริ่มสุก

ต้นทุนการผลิค/ไร่

๑.     ค่าไถ ๒,๐๐๐ บาท

๒.     ค่าปุ๋ยคอก วัสดุปรุงดิน ๑๐,๐๐๐ บาท

๓.     ค่าเมล็ดพันธ์ และค่าอุปกรณ์เพาะกล้า ๓,๐๐๐ บาท

๔.     ค่าอุปกรณ์น้ำหยด ๑๕,๐๐๐ บาท

๕.     ค่าเครื่องสูบน้ำ อุปกรณ์ ๑๐,๐๐๐ บาท

รวมทั้งสิ้น ๔๐,๐๐๐ บาท

 

ผลผลิตพริกแดงสุกวันละ ๕๐ กิโลกรัม/ไร่ ราคา กิโลกรัมละ ๕๐ บาท มีรายได้วันละ

๒,๕๐๐ บาท เฉลี่ยรายได้เดือนละ ๔๐,๐๐๐ – ๕๐,๐๐๐ บาท พริกจะเก็บได้นาน ๕-๗ เดือน

ข้อพึงระวัง ->