การปลูกข้าวหอมมะลิ
โดย : นายจันทา อ่อนราษฎร์ วันที่ : 2017-03-15-14:41:09ที่อยู่ : 228 หมู่ที่ 16 ตำบลน้ำพอง
ความเป็นมา / แรงบันดาลใจ / เหตุผลที่ทำ ->
การทำนาเป็นอาชีพหลักที่ทำมาตั้งแต่สมัยปู่ย่า ตายาย จากที่ทำเพื่อบริโภคก็ปรับเปลี่ยนมาทำไว้ขาย เมื่อก่อนจะเน้นปลูกข้าวเหนียวเพราะถือเป็นข้าวที่บริโภคเป็นหลัก ที่เหลือนำไปขายแต่ราคาจะต่ำ จึงหันมาปลูกข้าวหอมมะลิซึ่งมีราคาที่สูงกว่าและเป็นข้าวเจ้าที่มีคุณภาพดี กลิ่นหอมและนุ่มเป็นที่นิยมของผู้บริโภคทั้งในและต่างประเทศ
วัตถุประสงค์ ->
1. ทำไ้วเพื่อบริโภค
2. ทำไว้เพื่อจำหน่ายสร้างรายได้ให้ครอบครัว
วัตถุดิบ (ถ้ามี) ->
1. เมล็ดพันธ์ุ
อุปกรณ์ ->
กระบวนการ/ขั้นตอน->
การทำนาหว่าน
1. ควรหว่านข้าวให้กระจายสม่ำเสมอ โดยทำแปลงต้นแบบใช้เมล็ดพันธุ์ 9 ขีด หว่านให้กระจายในพื้นที่ 10×10 เมตร หว่านให้กระจายสม่ำเสมอ ฝึกให้ชำนาญเพื่อให้ประมาณความหนาแน่นของเมล็ดพันธุ์ที่หว่านได้ ซึ่งจะได้อัตราเมล็ดพันธุ์ต่อไร่ประมาณ 15 กก. ถ้ามีปัญหาเรื่องคุณภาพเมล็ดพันธุ์มีความงอกไม่ถึง 80% ก็สามารถเพิ่มอัตราเมล็ดพันธุ์ได้อีกถึง 20 กก./ไร่
2. ช่วงเวลาการปลูกที่เหมาะสม
2.1 ระยะที่เหมาะสมคือ ระหว่าง 1-15 สิงหาคม เก็บเกี่ยว 28 พฤศจิกายน-5 ธันวาคม เหมาะสำหรับพื้นที่ดังนี้
- เขตควบคุมน้ำได้ ทั้งสภาพน้ำฝนและนาในเขตชลประทาน
- เขตนาน้ำฝนที่เคยมีปัญหา ฝนทิ้งช่วงเดือนกรกฎาคม
2.2 หว่านระหว่าง 15 มิถุนายน-31 กรกฎาคม เก็บเกี่ยวระหว่าง 10-28 พฤศจิกายน เหมาะสมสำหรับ
- เขตพื้นที่ลุ่มน้ำขัง
- เขตฝนมาเร็วหมดเร็วช่วงเวลาในการหว่านข้าวดังกล่าว จะให้ผลแน่นอน หากไม่มีการเกิดฝนแล้งในเดือนกันยายนและตุลาคม
3. การหว่านข้าวมี 3 แบบคือ3.1 หว่านข้าวแห้งดินแห้ง เป็นการหว่านโดยไม่ต้องแช่ข้าว หว่านเมล็ดเสร็จแล้วไถ่กลบหรือคราดกลบรอให้ฝนตก
3.2 หว่านข้าวแห้งดินชื้น ปฏิบัติเหมือนหว่านข้าวแห้งดินแห้ง เพียงแต่อาจจะแช่ข้าวก่อนก็ได้ โดยแช่ 1 วัน หุ้ม 1 วัน เป็นข้าวตุ่มตา หลังจากหว่านข้าวเสร็จแล้ว หากมีฝนตกต้องระบายน้ำออก
3.3 หว่านน้ำตม
- กรณีดินเหนียว ทำเทือกแล้วระบายน้ำออกให้หมดแล้วจึงหว่านข้าวงอก คือ แช่ 1 วัน หุ้ม 2 วัน หลังจากหว่านข้าวเสร็จแล้ว หากมีน้ำขังต้องระบายออกให้หมดเพื่อมิให้เมล็ดข้าวเน่า
- กรณีดินทราย ไถแปร โดยมีน้ำพอขลุกขลิก หว่านข้าวตุ่มตา (แช่ 1 วัน หุ้ม 1 วัน) แล้วคราดกลบ จุดที่มีน้ำขังต้องระบายน้ำออก
ข้อพึงระวัง ->