ความรู้สัมมาชีพชุมชน

image1

สานฮวด

โดย : นายสุริยา สันชิต วันที่ : 2017-06-18-10:04:18

ที่อยู่ : 44 ม.4 ต.แคนเหนือ

ความเป็นมา / แรงบันดาลใจ / เหตุผลที่ทำ ->

หวดนึ่งข้าวเหนียว ถือเป็นภาชนะเครื่องใช้ในครัวเรือนที่มีความสอดคล้องกับวิถีชีวิตของชาวอีสานทั่วไป เนื่องจากชาวอีสานส่วนใหญ่บริโภคข้าวเหนียวเป็นอาหารหลัก ถึงแม้ว่าสภาพทางเศรษฐกิจสังคมและวัฒนธรรมจะเปลี่ยนไปตามกระแสยุคโลกาภิวัตน์ แต่เครื่องใช้ในครัวเรือนที่เรียกว่า หวด ก็ยังเป็นเครื่องใช้ ในครัวเรือนที่มีความจำเป็นอย่างยิ่งต่อวิถีชีวิตของประชาชนในหลายพื้นที่โดยเฉพาะอย่างยิ่งชาวอีสาน ซึ่งในปัจจุบันชาวอีสานได้กระจายอยู่ในแทบทุกพื้นที่ของประเทศแม้กระทั่งในต่างประเทศ ทำให้วัฒนธรรม การบริโภคข้าวเหนียวได้แพร่กระจายไปในทุกภาคของประเทศและต่างประเทศ ดังนั้นการนิยมบริโภค ข้าวเหนียวจึงไม่มีแต่เฉพาะคนอีสานอีกต่อไป และวิธีการนึ่งข้าวเหนียวให้มีกลิ่นหอม นุ่มและอร่อย จะต้องนึ่งด้วยหวดไม้ไผ่เท่านั้น ดังนั้น หวด จึงเป็นภูมิปัญญาท้องถิ่นที่มีคุณค่าและเป็นสิ่งที่ควรสนับสนุนส่งเสริมให้มีการอนุรักษ์ไว้สืบไป 

วัตถุประสงค์ ->

เพื่อสานไว้ใช้เอง และจำหน่าย สร้างรายได้ให้กับครอบครัว 

วัตถุดิบ (ถ้ามี) ->

ตอก (ไม้ไผ่พุง)
 

อุปกรณ์ ->

เลื่อย
มีดโต้ 
มีดตอก
กรรไกร

 น้ำ

กระบวนการ/ขั้นตอน->

1.คัดเลือกไม้ไผ่ที่มีอายุระหว่าง 1 - 1 ปี 5 เดือน หากไม้ไผ่มีอายุอ่อนเกินไปเนื้อไม้จะบาง ฉีกตอกยาก และเมื่อนำมาสานจะได้หวดที่ไม่มีคุณภาพ ชำรุดง่าย และหากแก่เกินไปเนื้อไม้จะแข็ง เมื่อนำมาฉีกตอกจะทำให้ตอกเปราะ หักง่าย สานยาก 
2. ตัดไม้ไผ่ออกจากกอโดยตัดปล้องที่ 3 นับจากพื้นดิน เพราะปล้องที่ 1 - 2 ไม่สามารถนำมาสานหวดได้ ตัดไม้ไผ่เป็นท่อน ๆ โดยใช้เลื่อยตัดหัว ตัดท้ายส่วนที่เป็นข้อทิ้ง เอาเฉพาะส่วนที่เป็นปล้อง ซึ่งไม้ไผ่ 1 ปล้องจะมีความยาวประมาณ 80 - 90 เซนติเมตร ต้นไผ่ 1 ต้นจะใช้สานหวดได้ประมาณ 3 - 4 ปล้อง เท่านั้น ส่วนใหญ่ชาวบ้านนิยมนำช่วงปลายของต้นไผ่ที่สานหวดไม่ได้มาทำรั้วบ้านหรือใช้เป็นหลักสำหรับการปลูกพืชผักประเภทเถา
3. นำไม้ไผ่ไปลนไฟพอหมาด ไม่ให้ไม้ไผ่สุกเกินไป เพราะถ้าสุกเกินไปเนื้อไม้จะหดตัว และแข็ง ไม่สามารถนำมาใช้งานได้ แต่ถ้าหากไม่ลนไฟเนื้อไม้จะไม่เหนียว เมื่อนำมาใช้งานจะทำให้ฉีกตอกยาก เมื่อลนไฟได้ที่แล้วให้นำท่อนไม้ไผ่ที่ได้ไปเก็บไว้ในที่แห้ง ร่ม อากาศถ่ายเทได้สะดวก ซึ่งท่อนไม้ไผ่ที่ลนไฟแล้วสามารถเก็บไว้ใช้งานได้นานประมาณ 3 - 4 เดือน 
4. เมื่อจะนำมาใช้งานอีกครั้ง ต้องนำท่อนไม้ไปแช่น้ำก่อนประมาณ 1 - 2 คืน ให้ท่อนไม้คืนตัว ซึ่งในขั้นตอนนี้ ให้นำเกลือแกงละลายในน้ำด้วยประมาณ 2 ช้อนแกง ต่อน้ำ 1 ลิตร และใบยูคาลิปตัส 1 กำมือ เพื่อป้องกันไม่ให้มอดหรือแมลงกินไม้ไปกัดเจาะเนื้อไม้ 
5. นำท่อนไม้ไผ่ที่ผ่านการแช่น้ำแล้วมาขูดทำความสะอาดให้เขม่าที่ติดมากับกระบวนการลนไฟหลุดออก แล้วนำปล้องไม้ไผ่มาผ่าเป็นซีกให้มีขนาดเล็กและเหลาให้เรียบโดยใช้มีดตอก ประโยชน์ของการเหลาซีกตอกนั้นเพื่อให้ซีกตอกเนียนเรียบ ไม่ให้มีเสี้ยนไม้ตำมือในระหว่างการสาน และเพื่อความสวยงามของหวดไม้ไผ่ 
6. นำซีกไม้ไผ่มาผ่าให้มีขนาดเล็กกว่าเดิม และใช้มืดตอกสับบริเวณส่วนหัวของซีกไม้ข้างใดข้างหนึ่งให้เป็นเส้นบาง ๆ สำหรับเป็นแนวในการฉีกตอก
7. การฉีกตอก นำซีกไม้ที่ได้จากการเหลาและสับบริเวณส่วนหัวแล้วมาฉีกตามแนวของเส้นไยไม้ไผ่ ให้เป็นเส้นบาง ๆ ตามรอยสับ และเหมาะสมที่จะสามารถนำมาสานเป็นหวดได้ ซึ่งการฉีกตอกนี้จะมี สองลักษณะ คือ การฉีกตอกแบบแคง (แนวตรง) เป็นการฉีกเนื้อไม้ไผ่ให้เป็นเส้นบาง ๆ เวียนไปตามแนวรอบวงกลมของลำต้น เมื่อนำมาสวนหวดจะเรียกว่า หวดลายแคง และการฉีกตอกแบบเป (แนวขวาง) เป็นการฉีกเนื้อไม้ไผ่ให้เป็นเส้นบาง ๆ ตามแนวขวาง โดยฉีกเนื้อไม้ไผ่จากเนื้อไม้ด้านในส่วนที่ติดกับเยื่อไม้ไผ่ออกไปด้านนอกจนถึงเปลือกไม้ ซึ่งจะได้เส้นตอกปริมาณเยอะกว่าการฉีก
แบบแคง เมื่อนำมาสานหวดจะเรียกว่า หวดลายเป หรือหวดขาว 
8. เมื่อฉีกตอกเสร็จแล้วนำเส้นตอกที่ได้มาผึ่งแดดให้แห้งสนิท เพื่อให้เส้นตอกมีเนื้อแน่นและเหนียว และสำคัญที่สุดคือป้องกันเชื้อรา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในฤดูฝน เมื่อผึ่งแดดจนแห้งสนิทแล้วก็ให้เก็บเส้นตอกในที่แห้งสะอาดและอากาศถ่ายเทได้ดี เมื่อจะนำเส้นตอกที่เก็บไว้มาใช้งาน ให้นำเส้นตอกไปแช่น้ำ จนเส้นตอกมีความนุ่มและเหนียวก่อน จึงจะนำมาสานหวดได้
9. การก่อตัวหวด นำเส้นตอกที่ผ่านกระบวนการผึ่งแดดและแช่น้ำจนได้ที่แล้วมาสานหวดโดยเริ่มต้นจากการสานส่วนที่เป็นก้นหวดก่อน วางเส้นตอกในแนวตั้ง 4 เส้น แนวนอน 8 เส้น สานขัดเป็นลาย 3 โดยเริ่มจากจุดกึ่งกลาง สานไปข้างละ 13 ขัด ซึ่งความยาวหรือสั้นของเส้นตอกขึ้นอยู่กับความต้องการของผู้สาน การสานจะนับเป็นบี (การนับช่วงลายตอกในระหว่างการสานที่มีการยกตอกขึ้น 3 เส้นและสานทับเส้นตอก 3 เส้น) ในแต่ละบีจะมีเส้นตอกอยู่สามเส้น
10 การไป่หวด เมื่อสานส่วนของก้นหวดได้ตามขนาดแล้วก็ทำการหักมุมเป็น 2 มุม จากนั้นก็ทำ การไป่หวด การไป่ หมายถึง การสานเปลี่ยนลายจากลายของส่วนก้นหวดเป็นลายตัวหวด ซึ่งการไป่นี้จะเป็นช่วงของการกำหนดขนาดของหวดให้ได้ขนาดตามต้องการด้วยการยกตอก 3 เส้นขึ้น แล้วคว่ำตอก 3 เส้นลง แต่จะไม่เป็นวิธีการที่ตายตัวนัก ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความถนัดและทักษะผู้สานว่าจะสานไปในแนวเดียวกันหรือไม่
11. การใส่ลายตัวหวด การใส่ลายตัวหวดเป็นขั้นตอนการสานตัวหวดต่อจาการไป่หวด ซึ่งการใส่ลายตัวหวดนั้นขึ้นอยู่กับความเหมาะสมหรือขนาดของหวด ส่วนมากนิยมใช้เส้นตอก จำนวน 10 เส้น จะได้หวดที่มีขนาดพอดี ซึ่งในขั้นตอนนี้ขณะที่กำลังสานหวดควรจะพรมน้ำเป็นระยะเพื่อให้เส้นตอกมีความอ่อนตัว นุ่ม สานง่าย ซึ่งจะส่งผลต่อผลิตภัณฑ์หวดไม้ไผ่ที่มีความแน่นแข็งแรงและคงทน 
12.  การใส่ไพกาวหวด เป็นขั้นตอนที่ทำหลังจากสานตัวหวดจนได้ขนาดและความสูงของหวดตามที่ต้องการและความเหมาะสมแล้ว โดยขึ้นอยู่กับความถนัดและทักษะของผู้สานแต่ละคนว่าจะใส่ไพกาวในลักษณะแบบใด ซึ่งลักษณะของเส้นตอกที่นำมาสานไพกาวมีลักษณะเป็นเส้นเล็ก ๆ กลม ๆ โดยผู้สานจะจักตอกให้มีลักษณะกลมเรียบเนียนเส้นเล็ก ๆ หวด 1 ใบ จะใช้ตอกชนิดนี้ประมาณ 6 เส้น ขนาดเท่า ๆ กันนำมาสานแบบยก 3 คว่ำ 3 ไปเรื่อย ๆ จนรอบตัวหวด เพื่อป้องกันไม่ให้เส้นตอกที่สานตัวหวดหลุดออกจากกันได้ง่ายเพิ่มความแข็งแรงให้กับผลิตภัณฑ์หวดไม้ไผ่และเพื่อความสวยงาม
13. การม้วนหวด เป็นขั้นตอนสุดท้ายของการสานหวด โดยตัดเส้นตอกที่ยาวเกินไปทิ้งก่อนแล้วจึงม้วนเก็บส่วนของเส้นตอกที่ยังคงเหลือจากการสานตัวหวดให้เกิดความเรียบร้อยและสวยงามของหวด จะทำในลักษณะการแบ่งกึ่งกลางของตัวหวดออกเป็นสองข้างตามลายสาน โดยรวบตอกแต่ข้างรวมกันแล้วบิดให้แน่น จากนั้นจึงทำการม้วนหรือเก็บตอกให้ดูเรียบร้อยสวยงามและปลอดภัยจากเสี้ยนไม้หรือความคมของปลายตอกในระหว่างการใช้งานของผู้บริโภค

ข้อพึงระวัง ->

ในการแช่ไม้ไผ่ให้ใส่เกลือแกงละลายในน้ำประมาณ 2 ช้อนแกง ต่อน้ำ 1 ลิตร และใบยูคาลิปตัส ประมาณ 1 กำมือ เพื่อป้องกันไม่ให้มอดหรือแมลงกินไม้ไปกัดเจาะเนื้อไม้ ทำให้หวดที่ได้มีอายุการใช้งานยาวนานขึ้น

รูปประกอบ -> image1 image2

เว็บไซต์สัมมาชีพชุมชนจังหวัดขอนแก่น
กรมการพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย

โทรศัพท์ :
Email :
ที่อยู่ :

เกี่ยวกับเรา