การทำน้ำหมักชีวภาพ
โดย : นายศักดิ์ ตาต่อมวงศ์ วันที่ : 2017-03-28-16:48:20ที่อยู่ : 171 หมู่ที่ 17 ตำบลนาบ่อคำ
ความเป็นมา / แรงบันดาลใจ / เหตุผลที่ทำ ->
ปัจจุบันมีการนำสารเคมีมาใช้ในการเกษตรเป็นอย่างมาก ซึ่งทำให้ดินขาดความอุดมสมบูรณ์ ทำลายดินให้เสื่อมโทรม ทำให้ได้พืชผลทางการเกษตรที่น้อยลงและด้อยคุณภาพ จึงมีการรณรงค์ส่งเสริมให้เกษตรกรใช้น้ำหมักชีวภาพมากขึ้น ที่เรียกว่า น้ำหมักชีวภาพ เป็นอีกทางเลือกที่เกษตรกรสามารถนำมาใช้ป้องกันกำจัดศัตรูพืชแทนปุ๋ยเคมีและสารเคมีกำจัดศัตรูพืชได้ ซึ่งปัจจุบันเกษตรกรมีการหันมาใช้น้ำหมักชีวภาพมากขึ้น
วัตถุประสงค์ ->
วัตถุดิบ (ถ้ามี) ->
1. เศษผัก จำนวน 60 กิโลกรัม
2. กากน้ำตาล จำนวน 20 กิโลกรัม
3. สารเร่ง พด. 2 จำนวน 1 ซอง
4. น้ำสะอาด (ไม่มีคลอรีน) จำนวน 100 ลิตร
5. ถังพลาสติกทึบแสง ขนาด 200 ลิตร จำนวน 1 ใบ
อุปกรณ์ ->
กระบวนการ/ขั้นตอน->
1. นำวัตถุดิบมาสับ บด โขลก หรือหั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ
2. บรรจุลงในภาชนะ
3. เติมกากน้ำตาล หรือน้ำตาลทรายแดง
และส่วนผสมอื่น ๆ ลงไป ตามอัตราส่วน
4. คนหรือคลุกเคล้าให้เข้ากัน ปิดฝาภาชนะ
หมักไว้ 7 - 15 วัน
5. ครบตามกำหนดปุ๋ยหมักน้ำชีวภาพจะมีกลิ่นหอม
6. หากมีกลิ่นเหม็นหรือบูดเน่าให้เติมกากน้ำตาล
หรือน้ำตาลทราย แล้วคนให้เข้ากันทิ้งไว้ 3-7 วัน กลิ่นเหม็นหรือกลิ่นบูดเน่าจะหายไป
7. การแยกกากและน้ำชีวภาพ โดยใช้ถุงอาหารสัตว์ ถุงปุ๋ยเคมี หรือมุ้งเขียว รองรับกากและน้ำชีวภาพจะไหลลงภาชนะที่เตรียมไว้ และกากที่เหลือนำไปคลุมโคนพืช หรือคลุมแปลงต่อไปได้อีก
วิธีการนำไปใช้
1. ปุ๋ยหมักน้ำชีวภาพมีค่า ความเข้มข้นของสารละลายสูง ( ค่า EC เกิน 4 Ds/m ) และเป็น กรดจัด มีค่าความเป็นกรดเป็นด่าง ก่อนนำไปใช้กับพืชต้องปรับสภาพให้เป็นกลาง โดยเติมปูนขาว กระดูกป่น อย่างใดอย่างหนึ่ง อัตรา 5 - 10 กิโลกรัม/ปุ๋ยหมักน้ำชีวภาพ 100 ลิตร แล้วผสมปุ๋ยหมักน้ำชีวภาพ อัตรา 30-50 CC/น้ำ 20 ลิตร
2. ปุ๋ยหมักน้ำชีวภาพ จะเป็นประโยชน์สูงสุด ต้องใช้เวลาในการหมัก จนแน่ใจว่าจุลินทรีย์ย่อยสลายอินทรีย์สมบูรณ์แล้ว จึงนำไปใช้กับพืชได้
3. ปุ๋ยหมักน้ำชีวภาพแต่ละสูตรมี ธาตุอาหารเกือบทุกชนิด แต่มีในปริมาณต่ำ จึงควรใส่ปุ๋ยอินทรีย์ ได้แก่ ปุ๋ยคอก ปุ๋ยหมักแห้งชีวภาพ ปุ๋ยพืชสด หรือปุ๋ยเคมีเสริม
4. ปุ๋ยหมักน้ำชีวภาพแต่ละสูตรมี ฮอร์โมนพืช ในระดับที่แตกต่างกันขึ้นอยู่กับวัตถุดิบที่นำมาใช้ทำน้ำหมักน้ำชีวภาพ เช่น การเร่งการเจริญเติบโตของยอด กระตุ้นการเกิดรากของกิ่งปักชำ ช่วยทำลายการฟักตัวของเมล็ด กระตุ้นการเจริญเติบโตของต้น และช่วยให้พืชผักมีความสดนานขึ้น
ข้อพึงระวัง ->
1. ควรเลือกใช้เศษพืชผัก ผลไม้ หรือเศษอาหารที่ยังไม่บูดเน่า สับหรือบดให้เป็นชิ้นเล็กๆ ใส่ในภาชนะที่มีปากกว้าง เช่นถังพลาสติกหรือโอ่ง หากมีน้ำหมักชีวภาพอยู่แล้วให้เทผสมลงไปแล้วลดปริมาณกากน้ำตาลลง ปิดฝาภาชนะทิ้งไว้จนได้เป็นน้ำหมักชีวภาพจากนั้นกรอกใส่ขวดปิดฝาให้สนิทรอการใช้งานต่อไป
2. ในระหว่างการหมัก ห้ามปิดฝาภาชนะจนแน่นสนิทเพราะอาจทำให้ระเบิดได้เนื่องจากระหว่าง การหมักจะเกิดก๊าชต่างๆ ขึ้น
3.ไม่ควรเลือกพืชจำพวกเปลือกส้ม ใช้ทำน้ำหมัก เพราะมีน้ำมันที่ผิวเปลือกจะทำให้จุลินทรีย์ไม่ย่อยสลายการทำน้ำหมักชีวภาพ ไม่ใช่เรื่องยากแต่ต้องอาศัยเวลาและความอดทน ที่สำคัญน้ำหมักชีวภาพไม่มีสูตรที่ตายตัว เราสามารถทดลองทำปรับเปลี่ยนวัตถุดิบให้เหมาะสมกับต้นไม้ของเรา เพราะสภาพแวดล้อมแต่ละท้องถิ่นมีความแตกต่างกัน น้ำหมักชีวภาพจึงจำเป็นต้องมีความแตกต่างกันตามท้องถิ่นหมักชีวภาพการใช้น้ำสกัดชีวภาพในพืชจำเป็นต้องให้ในอัตราเจือจาง สารอินทรีย์บางชนิดในน้ำสกัดชีวภาพเป็นสารเพิ่มความต้านทานให้แก่พืชที่ทำให้พืชมีความต้านทานต่อโรคและแมลง