ความเป็นมา / แรงบันดาลใจ / เหตุผลที่ทำ ->

          ในอดีตอยู่ห่างไกลโรงพยาบาล ไม่มีเครื่องมือแพทย์ที่ทันสมัยในการรักษาโรค จึงพืชพันธุ์จากธรรมชาติมาเป็นทั้งอาหารและยาสมุนไพรมารักษา และสมัยโบราณเมื่อเกิดเจ็บไข้ได้ป่วย คนเราก็ต้องหาวิธีรักษาตนเองและครอบครัวเท่าที่จะทำได้ในขั้นแรก ได้อาศัยพืชชนิดต่างๆ ตามแต่จะหาได้นำมาใช้เป็นยา ต่อมาเมื่อมีประสบการณ์มากขึ้น จึงเรียนรู้เกี่ยวกับการใช้ยาที่ทั้งข้อดีและข้อเสียและเดิมมีการใช้ยาจากพืชโดยไม่มีการดัดแปลง   คือใช้ทั้งต้นหรือส่วนของพืชมากิน ทา พอก ต่อมาจึงมีวิวัฒนาการในการใช้ยาสมุนไพร โดยการต้ม ชง การทำผง เก็บไว้ใช้นาน ๆ   ซึ่งทำให้เรารู้ว่าการใช้สมุนไพร หรืออาหารที่ใช้เป็นยานั้นได้ผ่านกระบวนการเรียนรู้และลองผิดลองถูกจนได้ข้อสรุปที่เป็นสิ่งที่ดีที่สุด เพื่อคนรุ่นต่อมาได้ใช้เป็นบรรทัดฐาน ในการดูแลสุขภาพของตนเองอย่างยั่งยืน หากศึกษาลงลึกการใช้สมุนไพรกับคนไทยนั้น ผูกพันและเกี่ยวข้องกับเรานับตั้งแต่แรกเกิดจนวันสุดท้ายของชีวิต เช่น การใช้พืชสมุนไพรมาเป็นยาบำรุงร่างกาย  การใช้ไม้ไผ่มาตัดสายสะดือของทารกแรกเกิด  การดูแลคุณแม่หลังคลอดด้วยสมุนไพร ล้วนแล้วแต่มีพืชสมุนไพรเข้ามาเกี่ยวข้องในพิธีกรรมต่างๆ ซึ่งจะแตกต่างกันไปตามองค์ความรู้พื้นบ้าน และความแตกต่างทางพันธุ์พืชของแต่ละท้องถิ่นโดยมีวัฒนธรรมและขนบธรรมเนียมประเพณีในแต่ละท้องถิ่นเป็นตัวกำหนดพืชสมุนไพร นั้นตั้งแต่โบราณก็ทราบกันดีว่ามีคุณค่าทางยามากมายซึ่ง เชื่อกันอีกด้วยว่า ต้นพืชต่าง ๆ ก็เป็นพืชที่มีสารที่เป็นตัวยาด้วยกันทั้งสิ้นเพียงแต่ว่าพืชชนิดไหนจะมีคุณค่าทางยามากน้อยกว่ากันเท่านั้น

          ป้ามนัส ได้รับการถ่ายทอดมาจากพ่อ  โดยได้ศึกษาเรื่องของยาสมุนไพรและวิธีรักษาจากพ่อตอนนั้นอาศัยการจำ ยาขับเลือด เป็นยาที่ป้ามนัสถนัดและมีผู้ที่นิยมมาซื้อไปกินซึ่งจะมีสรรพคุณคือ แก้ปวดประจำเดือนแน่นท้อง  ขับลม  เป็นยาอยู่ไฟหลังคลอดหรือสตรีหลังคลอดที่ไม่ได้อยู่ไฟก็กินได้เป็นการขับเลือด ขับน้ำคาวปลา

วัตถุประสงค์ ->

วัตถุดิบ (ถ้ามี) ->

           ส่วนประกอบ (ตัวยา)

          – ข่า,กระชาย,กะทือ,ไพล,ขมิ้นอ้อย,ขิง,กระเทียม,การบูร

อุปกรณ์ ->

          – มีดและเขียง

          – ตะแกรงตากยา

          – ตะแกรงร่อนยา

          – เครื่องบดยา

กระบวนการ/ขั้นตอน->

          ขั้นตอนการผลิต

          นำสมุนไพรมาล้างน้ำให้สะอาดแล้วหั่นเป็นชิ้นบาง ๆ นำไปตากแดดให้แห้งสนิท หลังจากนั้นก็นำมาบดให้ละเอียดเป็นผงแล้วนำมาร่อนให้เป็นผงที่ละเอียดที่สุดส่วนกากที่เหลือก็นำไปบดอีกจนกว่าจะหมด

          วิธีรับประทาน

           กรณีใช้ขับเลือดให้ใส่เกลือเล็กน้อย ผสมกับน้ำอุ่น ถ้าขับลม แน่นท้องให้ใส่น้ำมะนาวหรือใช้ผลไม้ที่มีรสเปี้ยวจิ้มกินก็ได้

ข้อพึงระวัง ->