การทำน้ำหมักชีวภาพ
โดย : นายวรภพ จงใจภักดี วันที่ : 2017-03-21-22:33:42ที่อยู่ : 99 .หมู่ที่ 3 ตำบลหนองกร่าง อำเภอบ่อพลอย
ความเป็นมา / แรงบันดาลใจ / เหตุผลที่ทำ ->
จากการที่ตนเองมีอาชีพทางด้านการเกษตร พบว่า ปุ๋ยเคมีและยาฆ่า แมลงมีราคาแพง ประกอบกับต้องการรักษาสุขภาพ จึงหันมาสนใจทำปุ๋ยน้ำหมักเพื่อไว้ใช้ในไร่เอง เพื่อลดต้นทุนการผลิต
วัตถุประสงค์ ->
1 ลดต้นทุนการผลิต
2.ลดการใช้สารเคมี
วัตถุดิบ (ถ้ามี) ->
1.ปลาทะเล 2.กากน้ำตาล 3.สัปปะรด 4.น้ำมะพร้าว 5. สารเร่ง พด.2 6.น้ำส้มสายชู
อุปกรณ์ ->
ถังพลาสติก 200 ลิตร
กระบวนการ/ขั้นตอน->
1. นำวัตถุดิบทั้งหมด มาสับให้เป็นชิ้นเล็กๆ ผสมกากน้ำตาลในถังหมักขนาด 200 ลิตร
2.นำสารเร่งซุปเปอร์ พด.2 จำนวน 4 ซอง ผสมน้ำ 40 ลิตร คนให้เข้ากัน 5 นาที
3. เทสารละลายเร่งซุปเปอร์ พด.2 ในถัง คนส่วนผสมให้เข้ากันปิดฝาไม่ต้องสนิทและตั้งไว้ในที่ร่ม
4. เทน้ำมะพร้าวและน้ำสมสายชูผสมลงไป
4. ในระหว่างการหมัก คนหรือกวน 1-2 ครั้ง/วัน เพื่อระบายก๊าซคาร์บอนไดออกไซค์และและทำให้สวนผสมคลุกเคล้าได้ดียิ่งขึ้น
5. ในระหว่างการหมักจะเห็นฝ้าขาวซึ่งเป็นเชื้อจุลินทรีย์ที่ผิวหน้าของวัสดุหมัก ฟองก๊าซคาร์บอนไดออกไซค์และกลิ่นแอลกอฮอล์
ข้อพึงระวัง ->
1. ในระหว่างการหมักห้ามปิดฝาภาชนะที่ใช้หมักโดยสนิทชนิดที่อากาศเข้าไม่ได้เพราะอาจเกิดการระเบิดได้ เนื่องจากในระหว่างการหมักจะเกิดก๊าซขึ้นมาจำนวนมากเช่นก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ก๊าซมีเทน ฯลฯ
2. ภาชนะที่ใช้หมักต้องไม่ใช้ภาชนะที่เป็นโลหะ เพราะปุ๋ยน้ำชีวภาพจะมีฤทธิ์เป็นกรด (Ph=3-4)ซึ่งจะกัดกร่อนโลหะให้ผุกร่อนได้
3. ในการใช้น้ำสกัดชีวภาพกับพืชบางชนิดเช่นกล้วยไม้ อาจมีผลทำให้ภาชนะที่ใช้ปลูกคือกาบมะพร้าวผุเร็วก่อนเวลาอันสมควรทำให้ต้องเสียเงินในการเปลื่ยนภาชนะปลูกใหม่
4. ในการใช้น้ำสกัดชีวภาพกับพืชนั้นในดินจะต้องมีอินทรียวัตถุอยู่ เช่น มีการใส่ปุ๋ยหมัก เศษพืชแห้งคลุมดินไว้จึงจะทำให้การใช้ประโยชน์จากน้ำชีวภาพได้ผลดี
5. ห้ามใช้เกินอัตราที่กำหนดไว้ในคำแนะนำเพราะอาจมีผลทำให้ใบไหม้ได้ เนื่องจากความเป็นกรดหรือความเค็มในน้ำสกัดชีวภาพ ดังนั้นจึงควรเริ่มทดลองใช้ในอัตราความเข้มข้นน้อย ๆก่อน
6. น้ำสกัดชีวภาพที่มีธาตุไนโตรเจนสูง ๆ ต้องระวังในการใช้เพราะหากใช้มากไปอาจทำให้พืชเฝือใบและไม่ออกดอกออกผลได้