การปลูกผักไฮโดรโพนิกส์
โดย : นายไพรัตน์ ปาตาสะ วันที่ : 2017-03-21-09:46:11ที่อยู่ : 61 หมู่ที่ 12 ตำบลเขาค้อ อำเภอเขาค้อ จังหวัดเพชรบูรณ์
ความเป็นมา / แรงบันดาลใจ / เหตุผลที่ทำ ->
เนื่องจากในปัจจุบัน คนนิยมบริโภคพืชผักปลอดภัยกันมากขึ้น และผักไฮโดรโพนิกส์ก็เป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลาย คนนิยมกันมากในรูปของผักสลัดและผักกินสด ๆ เนื่องจากมีความปลอดภัยและสามารถทำได้ทั่วไป แต่จะได้ผลดีหากปลูกในที่ๆมีอากาศหนาวเย็น เพราะจะได้ผักที่มีคุณภาพดี ลักษณะสวย เป็นที่ต้องการของตลาด
วัตถุประสงค์ ->
เพื่อถ่ายทอดองค์ความรู้ในการไฮโดรโพนิกส์ ซึ่งเป็นพืชผักปลอดภัย ไม่มีสารพิษตกค้าง มีคุณค่าทางโภชนาการสูง
วัตถุดิบ (ถ้ามี) ->
- เมล็ดพันธุ์ 1 ห่อ
- ปุ๋ยสำหรับผักไฮโดรโพนิกส์
- กรดน้ำ
- น้ำยาวัดค่ากรด
อุปกรณ์ ->
- รางปลูก 18 ท่อน
- เหล็กกล่อง ขนาด 1x1 นิ้ว ยาว 2 เมตร 13 เส้น
- ท่อ PVC ขนาด 2 นิ้ว 1 ท่อน
- ท่อ PVC ขนาด ¼ นิ้ว 4 ท่อน
- ปั้มน้ำ 1 ตัว
- ถังพลาสติก ขนาด 200 ลิตร 1 ใบ
- ถังน้ำ ขนาด 100 ลิตร 1 ใบ
- สายไฟและอุปกรณ์ต่อปลั๊ก 1 ชุด
- ผ้าใบป้องกันแสง UV ยาว 13 เมตร
- ฟองน้ำเพาะเมล็ด 7 แผ่น
- เครื่องวัดค่า HP (ปุ๋ย)
- เสาไม้ไผ่สำหรับทำหลังคา ยาว 35 เมตร 8 ต้น
- ตะกร้าเพาะเมล็ด
- โฟม 3A ¾ นิ้ว
- ลวด
- โต๊ะอนุบาลเบี้ย
กระบวนการ/ขั้นตอน->
- นำเหล็กกล่องที่ตัดไว้ท่อนแรกมาวางให้สูงจากพื้นดินประมาณ 35-40 เซนติเมตร ท่อนที่สองวางอีกด้านให้ห่างจากท่อนแรก 12 เมตร โดยยึดหัวท้ายด้วยเสาไม้ไผ่ที่เตรียมไว้ให้แน่นๆ ขึงลวดระหว่างเหล็กทั้ง 2 ท่อน ให้ตึง จากนั้นนำเหล็กกล่องที่เหลือมาวางให้ห่างกัน 1 เมตร และใช้ไม้ไผ่ยึดเป็นระยะๆให้แน่นหนา
- นำรางปลูกมาวางต่อกันให้ได้ 9 แถว โดยวางห่างกันประมาณ 20-25 เซนติเมตร มัดด้วยลวดให้แน่น
- เพาะเมล็ดพันธุ์ บนฟองน้ำที่เตรียมไว้ 2 วัน จากนั้น นำมาลอยที่โต๊ะอนุบาล 15 วัน จากนั้นแยกเบี้ยลงบนแผ่นโฟมแยกเบี้ย โดยเจาะช่องที่โฟมให้มีความห่าง ประมาณ 10 เซนติเมตร
- หลังจากนั้น 15 วัน นำเบี้ยที่ได้ไปปลูกบนรางปลูกที่เตรียมไว้ หลังจากนั้นอีก 15-20 วัน ก็สามารถเก็บผลผลิตได้
- การให้ปุ๋ยทางน้ำ ควรเติมปุ๋ยในช่วงเย็น เพราะถ้าเติมตอนกลางวันหรือเช้า อุณหภูมิของอาการและน้ำจะร้อนอาจทำให้เกิดรากเน่าจนพืชตายได้ และควรวัดค่า HP ของน้ำทุกวันในช่วงเย็นก่อนเติมปุ๋ย
ข้อพึงระวัง ->
- ควรเติมปุ๋ยในช่วงเย็น เพราะถ้าเติมตอนกลางวันหรือเช้า อุณหภูมิของอาการและน้ำจะร้อนอาจทำให้เกิดรากเน่าจนพืชตายได้