เกษตรผสมผสานแบบทฤษฏีใหม่
โดย : นาย ณัฐกร ก๋องมูล วันที่ : 2017-04-18-09:11:05ที่อยู่ : 286/1 หมู่ที่5 ตำบลแม่สอย อำเภอจอมทอง จังหวัดเชียงใหม่
ความเป็นมา / แรงบันดาลใจ / เหตุผลที่ทำ ->
ที่ต้องการมาอบรมหลักสูตร “วิทยากรผู้นำสัมมาชีพ” ประจำปี 2560 ในครั้งนี้เพราะมีที่ดินเป็นของตัวเองอยู่ 6 ไร่ ได้เริ่มลงพันธุ์ลำไยอีดอไป 2 ไร่ 2 งาน แล้วยังเหลือพื้นที่บางส่วน จึงอยากนำความรู้เพิ่มเติมในการทำเกษตรผสมผสาน ที่สำคัญต้องการเดินตามรอยเท้าของพ่อหลวง ตามหลักเศรษฐกิจพอเพียงเพราะเห็นความสำเร็จ ในการศึกษาดูงานครั้งนี้แล้ว ว่าตัวเองก็สามารถทำได้
วัตถุประสงค์ ->
1. ต้องการมีอาชีพที่มั่นคง มีรายได้เลี้ยงครอบครัว
2. จะนำสิ่งที่ได้เรียนรู้จากการอบรมแลกเปลี่ยนอาชีพ ไปปรับใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด
3. ต้องการทำเป็นสวนตัวอย่าง และเป็นศูนย์เรียนรู้ให้กับชุมชนและชุมชนใกล้เคียง
วัตถุดิบ (ถ้ามี) ->
1. ที่ดินจำนวน 6 ไร่ (มีอยู่แล้ว)
2. โรงเรือนสำหรับเลี้ยงไก่ 1 หลัง
3. พันธุ์พืชที่ต้องการปลูก เช่น ลำไย,มะม่วง, มะนาว, เมล็ดกล้าพืชผักสวนครัว
4. พันธุ์ไก่เนื้อ (พันธุ์พื้นเมือง) ตลาดในชุมชนต้องการ
5. ระบบน้ำ
6. อาหารไก่รุ่น เช่น หัวอาหารผสมกับรำข้าว ผักและผลไม้
อุปกรณ์ ->
1. จอบ เสียม
2. เครื่องพ่นยากำจัด ศัตรูพืชและสัตว์
3. เครื่องตัดหญ้าแบบสะพาย
4. อุปกรณ์การติดตั้งระบบน้ำ เช่น ท่อน้ำ หัวสปริงเกอร์ เป็นต้น
กระบวนการ/ขั้นตอน->
ขั้นที่1. แบ่งพื้นที่ออกเป็น 5 แปลง เพื่อลงกล้าพืชและพันธุ์ไก่รุ่น
1.1 แบ่งพื้นที่ปลูกลำไยซึ่งเป็นพืชหลักของชุมชน จำนวน 2 ไร่ 2 งาน (70 ต้น)
1.2 พื้นที่ปลูกต้นมะม่วงพันธุ์ R2 จำนวน 1 ไร่ (100 ต้น)
1.3 พื้นที่ปลูกต้นมะนาวพันธุ์แป้นพิจิตร 1 ไร่ ปลูกในบ่อซีเมนต์ 0.80x1.00 ม.
1.4 พื้นที่โรงเรือนเลี้ยงไก่เนื้อ (พันธุ์พื้นเมือง) จำนวน 2 งาน
1.5 พื้นที่ปลูกพืชสวนครัวหมุนเวียน จำนวน 1 ไร่
ขั้นที่2. เตรียมดินโดยการพลิกหน้าดิน โดยใช้รถไถ ปรับหน้าดินให้เสมอกัน
ขั้นที่3. ที่แบ่งพื้นที่ทำโรงเรือนแล้ว สามารถจัดหาไก่เนื้อ (พันธุ์พื้นเมือง) ตัวผู้ 10 ตัว ตัวเมีย 30 ตัว สำหรับพันธุ์ลูกไก่ต้องมีขนาดไก่รุ่นๆ เพื่อต้องการไม่ให้ลูกไก่ตาย
ขั้นที่4. ที่เหลือ 4 แปลง ค่อยลงพันธุ์พืชที่กล่าวมาข้างต้นทีละชนิดให้เต็มพื้นที่ตามโซนที่แบ่งไว้ จะให้ดีควรลงพืชผักสวนครัวก่อนเพราะมีอายุการเก็บเกี่ยวสั้น จะได้มีรายได้ส่วนนี้ มาเป็นทุนปลูกพืชอย่างอื่นต่อไป
ขั้นที่5. ช่วงลงกล้าใหม่ๆ ควรดูแลให้น้ำและปุ๋ยบำรุงต้น เป็นประจำ
ขั้นที่6. การบริหารจัดการระบบน้ำ ควรใช้ระบบน้ำหยด หรือ หัวพ่นแบบสปริงเกอร์ จะสะดวก รวดเร็ว และประหยัด
ขั้นที่7. ต้องขยันหาเทคนิคการดูแลพืชและสัตว์ ที่ปลูกหรือดูแลเลี้ยงไว้ให้มีความชำนาญ ที่สำคัญต้องหาตลาดรองรับผลผลิตของสวน จะได้มีรายได้มาจุนเจือครอบครัว และเป็นทุนปลูกพืชอย่างอื่นต่อไป
ขั้นที่8. เมื่อประสบความสำเร็จแล้ว ควรหากลุ่มจัดตั้งศูนย์การเรียนรู้ในด้านเกษตรผสมผสาน เพราะส่วนมากชุมชนจะปลูกพืชอย่างเดียว เมื่อชุมชนเห็นความสำเร็จของเราแล้วเกษตรกรในชุมชนก็มาเรียนรู้แบบอัตโนมัติ มันเป็นเทคนิคอย่างหนึ่ง
ข้อพึงระวัง ->
1. ช่วงแรกในการลงพันธุ์พืชควรดูแลเอาใจใส่ให้ดี เช่น น้ำ อาหารบำรุงกล้าพืช
2. ระวังโรคของพืชและสัตว์ ถ้าเป็นแล้วรีบแก้ไข เพื่อป้องกันการลุกลาม
3. ช่วงแรกจะมีรายได้เข้ามาน้อย อย่าท้อแท้ทำไปสักพักจะมีรายได้เพิ่มมากขึ้น