การสาวไหม
โดย : นางหวาด แต้มทอง วันที่ : 2017-03-20-22:35:28ที่อยู่ : 131 หมู่ที่ 12 ต.ไพบูลย์
ความเป็นมา / แรงบันดาลใจ / เหตุผลที่ทำ ->
เรามีการทอผ้าใช้เองมาตั้งแต่สมัยบรรพบุรุษ และในปัจจุบันผ้าไหม ถือเป็นสินค้าที่มีราคา และมีคุณค่า จึงมีแรงบันดาลใจที่จะทอผ้า เพื่อสร้างอาชีพเสริม เพิ่มรายได้ให้แก่ครัวเรือน
วัตถุประสงค์ ->
วัตถุดิบ (ถ้ามี) ->
ธีการสาวไหม
ต้มน้ำให้ร้อนประมาณ 80 องศาเซลเซียส นำรังไหมลงไปต้มทิ้งไว้ประมาณ 2-3 นาที เวลาต้มต้องหมั่นเขี่ยเพื่อให้รังไหมสุกทั่วกัน แล้วเอาไม้คีบเกลี่ยรังไหมเบาๆ เส้นไหมจะติดไม้ขึ้นมาใช้มือรวบเส้นไหมจากไม้ดึงมารวมสาวเป็นไหมใหญ่ก่อน ไหมนี้จะเป็นไหมชั้นนอกหรือปุยไหม เมื่อสาวไหมใหญ่เสร็จให้ตักรังไหมออกมาพักไว้ก่อนแล้วเติมรังไหมใหม่ลงไป ระหว่างการสาวหมั่นคอยเติมน้ำเย็นลงเป็นระยะ ๆ เพื่อไมให้น้ำเดือดมาก ไหมที่ได้จากการสาวครั้งแรก เรียกว่า ไหมชั้น 3 หรือไหมชั้นนอก หรือไหมใหญ่ หรือไหมหัว
ขั้นต่อไปก็คือการสาวไหมชั้นในต่อจากการสาวไหมชั้น 3 จะให้ขนาดเส้นมีความเล็กหรือใหญ่อยู่ที่ปริมาณจำนวนรังที่ต้ม และต้องเติมรังไหมให้มีปริมาณคงเดิมเพื่อให้เส้นไหมมีความสม่ำเสมอ สิ่งสำคัญคือเส้นไหมจะต้องมีเกลียว 4-8 เกลียวต่อ 1 นิ้ว รังไหมที่สาวเส้นออกหมดแล้วจะเหลือเป็นเยื่อบางๆ ห่อหุ้มดักแด้ ผู้สาวก็ต้องตักออก ไหมที่สาวได้นี้เรียกว่า ไหมชั้น 1 หรือไหมน้อย หรือไหมยอด
อีกวิธีหนึ่ง คือ การสาวไหมรวมกันทั้งหมด โดยไม่แยกไหมชั้นนอกและชั้นใน ซึ่งผู้สาวที่ชำนาญจะสาวได้เส้นไหมที่สม่ำเสมอ ดีเกือบเท่าไหมชั้น 1 การสาวไหมแบบนี้เรียก ไหมสาวรวม หรือไหมชั้น 2 (หรือไหมสาวเลย) แต่ไหมชนิดนี้ไม่เป็นที่ต้องการของตลาด เพราะเมื่อนำมาทอเป็นผ้าจะได้ผ้าไหมที่ไม่สวยงามเท่าไหมชั้น 1
หลังจากสาวไหมเสร็จแล้วก็ทำเป็นเข็ด (เป็นใจ) โดยแยกชนิดต่าง ๆ ของเส้นไหม เช่น ไหมใหญ่ ไหมสาวเลย หรือไหมยอด โดยใช้เครื่องทำเข็ด ซึ่งชาวบ้านเรียกว่า “เหล่ง” เหล่งที่ใช้ก็ควรใช้ขนาดมาตรฐาน คือ เส้นรอบวง 150 เซนติเมตร และไหมแต่ละเข็ดควรมีน้ำหนักประมาณ 100 กรัม
อุปกรณ์ ->
-เครื่องสาวไหม ประกอบด้วยรอกและมูเล่
-หม้อดิน หรือหม้ออลูมิเนียม หรือหม้อเคลือบ สำหรับใส่น้ำต้มรังไหม
-เตาไฟ สำหรับตั้งหม้อต้มรังไหม
-ไม้คีบ สำหรับเกลี่ยรังไหมและเส้นใยไหม
-กระด้ง สำหรับใส่รังไหม
-ถังน้ำ สำหรับใส่เติมน้ำลงในหม้อต้มรังไหม
กระบวนการ/ขั้นตอน->
ข้อพึงระวัง ->