ความเป็นมา / แรงบันดาลใจ / เหตุผลที่ทำ ->

นายพิมพ์  ธรรมโลก  เดิมมี อาชีพ เกษตรกรรม(ปลูกข้าว)การปลูกผลผลิตได้ไม่ดี  ราคาก็ตกต่ำ ต้นทุนสูง  จึงปลูกข้าวโพดหวานเป็นอาชีพเสริมหลังฤดูทำนา เก็บบริโภค และขายในหมู่บ้าน ปัจจุบันได้เก็บผลผลิตจากการขายข้าวโพด ช่วยลดรายจ่ายเพิ่มรายได้ให้ครอบครัวและเป็นที่ปรึกษาสำหรับบุคคลที่จะข้าวโพด

วัตถุประสงค์ ->

-เทคนิคการปลูกข้าวโพดหวาน ให้ได้ผลผลิตสูงและคุณภาพฝักสดดี"พันธุ์ข้าวโพดหวาน"ที่ใช้ปลูกควรเป็นข้าวโพดหวานลูกผสม ที่ให้ผลผลิตสูง มีขนาดฝักใหญ่เป็นที่ต้องการของตลาด คุณภาพฝักสดดี

              :- การเตรียมดิน
          1ไถดะและทิ้งตากดินไว้ 3-5 วัน

2หว่านปุ๋ยคอกเช่นปุ๋ยขี้ไก่ อัตราประมาณ 1 ตันต่อไร่

3ไถแปรเพื่อย่อยดินให้ แตกละเอียด
               -การปลูก ควรปลูกเป็นแถวเป็นแนวซึ่งสามารถปลูกได้สองวิธี คือ
              1 การปลูกแบบแถวเดี่ยว ระยะระหว่างแถว 75 เซนติเมตร ระยะระหว่างต้น 25-30 เซนติเมตร ปลูกหลุมละ 1 ต้น จำนวนต้นต่อไร่ประมาณ 7,000-8,500 ต้น จะใช้เมล็ดประมาณ 1.0-1.5 กิโลกรัมต่อไร่
              2การปลูกแบบแถวคู่ มีการยกร่องสูง ระยะระหว่างร่อง 120 เซนติเมตร ปลูกเป็นสองแถวข้างร่อง ระยะห่างกัน 30 เซนติเมตร ระยะระหว่างต้น 25-30 เซนติเมตร1 ต้นต่อหลุม จะมีจำนวนต้นประมาณ 7,000-8,500 ต้นต่อไร่และใช้เมล็ดประมาณ 1.0-1.5 กิโลกรัมต่อไร่ การให้น้ำจะปล่อยน้ำตามร่องซึ่งเป็นวิธีที่สะดวกดี
              -การใส่ปุ๋ย
           มีขั้นตอนดังนี้
           1. การใส่ปุ๋ยรองพื้น สูตรปุ๋ยที่แนะนำคือ 15-15-15 หรือ 25-7-7 หรือ 16-16-8
         อัตรา 50 กิโลกรัมต่อไร่ ใส่พร้อมปลูกหรือใส่ขณะเตรียมดิน
          2.ถ้าปลูกด้วยมือ ควรหยอดปุ๋ยที่ก้นหลุมแล้วกลบดินบาง ๆ ก่อนหยอดเมล็ด
          3.ไม่ควรให้ปุ๋ยสัมผัสกับเมล็ดโดยตรงเพราะอาจทำให้เมล็ดเน่าได้
          4.การใส่ปุ๋ยแต่งหน้าครั้งที่ 1 สูตรปุ๋ยที่แนะนำคือ 46-0-0 (ยูเรีย) อัตรา 25-30 กิโลกรัมต่อไร่ ใส่เมื่อข้าวโพดมีอายุ 20-25 วันหลังปลูก โรยข้างต้นในขณะดินมีความชื้นหรือให้น้ำตาม หรือพูนโคนกลบปุ๋ยก็จะเป็นการกำจัดวัชพืชไปในตัว
          5.การใส่ปุ๋ยแต่งหน้าครั้งที่ 2 เมื่อข้าวโพดมีอายุ 40-45 วันหลังปลูก ถ้าแสดงอาการเหลืองหรือไม่สมบูรณ์ ให้ใส่ปุ๋ยยูเรีย (46-0-0) อัตรา 25 กิโลกรัมต่อไร่ โรยข้างต้นในขณะดินมีความชื้นหรือให้น้ำตาม

ข้าวโพดหวานขาดน้ำไม่ได้คือระยะ 7 วันแรกหลังปลูก เป็นระยะที่ข้าวโพดกำลังงอก ถ้าข้าวโพดหวานขาดน้ำช่วงนี้จะทำให้การงอกไม่ดี จำนวนต้นต่อพื้นที่ก็จะน้อยลงจะทำให้ผลผลิตลดลงไปด้วย ระยะที่ขาดน้ำไม่ได้อีกช่วงหนึ่งคือระยะออกดอก การขาดน้ำในช่วงนี้จะมีผลทำให้การผสมเกสรไม่สมบูรณ์ การติดเมล็ดจะไม่ดี ติดเมล็ดไม่เต็มถึงปลายหรือติดเมล็ดเป็นบางส่วน ซึ่งฝักที่ได้จะขายได้ราคาต่ำ โดยปกติถ้าเป็นพื้นที่ที่สามารถให้น้ำได้ควรให้น้ำทุก 3-5 วัน ขึ้นกับสภาพต้นข้าวโพดและสภาพอากาศ แต่ช่วงที่ควรให้น้ำถี่ขึ้นคือช่วงที่ข้าวโพดกำลังงอกและช่วงออกดอก

 

 

วัตถุดิบ (ถ้ามี) ->

การปรึกษาผู้รู้ตลอดเวลา

อุปกรณ์ ->

หลีกเลี่ยงการใช้สารเคมี

กระบวนการ/ขั้นตอน->

ข้อพึงระวัง ->