การปลูกพืชแบบน้ำหยด
โดย : นายเอนก อยู่เอี่ยม ตำแหน่ง : เจ้าหน้าที่พัฒนาชุมชน วันที่ : 2017-02-27-21:03:04ที่อยู่ : 48/4 ม 2 ต.สระลงเรือ อ.ห้วยกระเจา
ความเป็นมา / แรงบันดาลใจ / เหตุผลที่ทำ ->
นายอเนก อยู่เอี่ยม เป็นลูกหลานชาวนาชาวไร่โดยกำเนิดประกอบอาชีพเกษตรกรรมมาโดยตลอดจนถึงปัจจุบัน โดยนายอเนก มีแปลงเกษตรเป็นศูนย์กลางและพัฒนาสภาพพื้นที่ทำการเกษตร ให้มีความพร้อมในการกอบการเกษตรแบบผสมผสาน โดยได้รับการสนับสนุนจากภาคราชการที่เกี่ยวข้อง เข้ารับการฝึกอบรมเพื่อพัฒนาแนวความคิด ทักษะด้านการเกษตรอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งได้รับการสนับสนุนจากสมาชิกในหมู่บ้านให้เข้าไปมีบทบาทในกลุ่มพัฒนาต่างๆ เช่น จัดตั้งโรงเรียนชาวนา จัดตั้งกลุ่มวิสาหกิจชุมชนเกษตรกรบ้านไผ่สี ตำบลสระลงเรือ บทบาทหน้าที่ที่ได้รับ ได้แก่ อาสาสมัครเกษตรประจำหมู่บ้าน, หมอดินอาสา, อาสาสมัคร สปก., อาสาสมัครปฏิรูปที่ดิน, อาสาสมัครฝนหลวง ผู้นำอาสาพัฒนาชุมชนตำบลสระลงเรือ พื้นที่การเกษตรส่วนใหญ่ของครัวเรือนมีสภาพเป็นที่ดอนเป็นส่วนใหญ่ จึงได้ทำไร่มันสำปะหลัง,ไร่อ้อย การทำไร่เดิมการปลูกพืชตามปกติได้ผลผลิตเฉลี่ยต่อไร่น้อย เนื่องจากมีพื้นที่ทำไร่เป็นพื้นที่แห้งแล้งไม่มีคลองชลประทานผ่าน แต่ได้แบ่งที่ดินบ้างส่วนขุดสระเพื่อให้เก็บกักน้ำไว้ใช้ จึงมีแนวคิดที่จะเพิ่มผลผลิตให้ได้มากกว่าเดิม โดยมุ่งทำการผลิตให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ประกอบกับเคยมีโอกาสศึกษาดูงานที่เกี่ยวกับการปลูกพืชแบบใช้น้ำน้อย ระบบน้ำหยด หลังจากกลับมาจากศึกษาดูงาน ก็ได้นำวิธีการปลูกพืชระบบน้ำหยดมาทดลองทำเอง ในพื้นที่ประมาณ ๓- 6 ไร่ และได้ผลผลิตมากขึ้นเรื่อยๆ
วัตถุประสงค์ ->
1. การเตรียมดิน
- รองพื้นด้วยขี้ไก่แกลบ 30-40 กระสอบ/ไร่ ประมาณ 400 กก./ไร่
- หว่านปุ๋ยเคมีสูตรเสมอ 15-15-15 จำนวน 25 กก./ไร่ จากนั้นทำการไถกลบด้วยผาล 3และไถแปรด้วยผาล 7
2. การวางระบบน้ำหยด
- วางสายน้ำหยด ระยะ 150 x 40 ซม.
- อุปกรณ์ประกอบด้วย สายน้ำหยด, ท่อพีวีซี, หัวปลาไหล, วาล์วเปิด-ปิด, ปั๊มน้ำ และเครื่องสูบน้ำไฟฟ้า ซึ่งต้นทุนเกี่ยวกับการวางระบบน้ำหยดอยู่ที่ประมาณ 4,000 บาท/ไร่สามารถเพิ่มผลผลิตเฉลี่ยร้อย 50 -60 ต่อไร่ ความคุ้มค่าจากการลงทุนสูงเพราะว่าผลผลิตที่เพิ่มขึ้นไม่ได้เพิ่มขึ้นมากกว่าสองเท่า อายุการใช้งานของระบบน้ำหยด ประมาณ 3-5 ปีถึงจะเปลี่ยนสายใหม่ ต้นทุนการผลิตรวมทั้งหมดต่อไร่ (ค่าปุ๋ย ยา ฮอร์โมน และอื่นๆ) ประมาณ 6,500 บาท/ไร่
วัตถุดิบ (ถ้ามี) ->
1. ความสนใจเรียนรู้เพื่อเพิ่มทักษะการเกษตรที่หลากหลาย
2. การลงมือปฏิบัติหลังจากที่ไปรับการอบรมมาอย่างจริงจัง
3. การให้ความร่วมมือกับหน่วยงานต่างๆ ทำให้ได้รับการสนับสนุนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
4. การวางแผนการใช้พื้นที่ทำการเกษตรอย่างเหมาะสม (Zoning)
5. การวางแผนเพาะปลูกพืชเศรษฐกิจอย่างเหมาะสมกับความต้องการของตลาด
6. การปลูกพืชผสมผสานทำให้มีผลผลิตและรายได้หมุนเวียนตลอดทั้งปี
อุปกรณ์ ->
กระบวนการ/ขั้นตอน->
" ทำการเกษตรปลอดภัย เรียนรู้พัฒนา และถ่ายทอดความรู้ให้เครือข่ายเกษตรกรในพื้นที่ ดำรงตนตามหลักเศรษฐกิจพอเพียง”
ข้อพึงระวัง ->