ความเป็นมา / แรงบันดาลใจ / เหตุผลที่ทำ ->

บ้านบึงไม้ หมู่ที่ 5 ตำบลชะอม อำเภอแก่งคอย จังหวัดสระบุรี เป็นหมู่บ้านที่มีความอุดมสมบูรณ์ทางธรรมชาติมากมาย เช่น น้ำตก ธารน้ำที่ใส สะอาด และสวยงาม  ร่มรื่นด้วยต้นไม้หลากหลายชนิด และชาวบ้านได้มีการทำสวนผลไม้ ที่มีรสชาติอร่อยมากมายหลายชนิด เช่น ลองกอง ทุเรียน,มะยงชิด,มังคุด,ส้มโอ,กล้วยต่างๆ เช่น กล้วยเล็บมือนาง,กล้วยน้ำว้า,กล้วยไข่   และมีการเพาะเห็ดฟาง,เห็ดนางฟ้า,เห็ดฮังการี่  โดยกลุ่มวิสาหกิจชุมชนผู้เพาะเห็ดบ้านบึงไม้       อีกทั้งยังมีวัดป่าสว่างบุญ เจดีย์ 500 ยอด ซึ่งเป็นวัดที่มีนักท่องเที่ยวมาแสวงบุญและมาท่องเที่ยวเป็นจำนวนมากตลอดทั้งปี

นายพีรพงษ์  หอมยิ่ง  ผู้ใหญ่บ้านคนปัจจุบัน ได้รวมตัวกับผู้นำชุมชนและชาวบ้านจัดตั้ง “ชมรมท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์บ้านบึงไม้” ขึ้น เพื่อเป็นการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและจัดระเบียบการให้บริการที่ดีและปลอดภัยแก่นักท่องเที่ยวที่มีเพิ่มมากขึ้นทุกปี โดยมีผู้นำชุมชนและคนในชุมชนที่เคยมีอาชีพในการหาของป่า มาอบรมเพื่อเป็นมัคคุเทศก์ท้องถิ่น ในการนำนักท่องเที่ยวชมธรรมชาติในแหล่งท่องเที่ยวของหมู่บ้าน

วัตถุประสงค์ ->

(๑) เพื่อส่งเสริมให้ชาวบ้านอยู่กับธรรมชาติ โดยไม่เบียดเบียนและทำลายธรรมชาติ

(๒) เพื่อเป็นการสร้างรายได้ให้กับคนในชุมชน

(๓) เพื่อให้บริการที่ดีแก่นักท่องเที่ยวผู้มาเยือน

(4) เพื่อให้คนชุมชนมีความรักความสามัคคีและมีส่วนร่วมในการบริหารจัดการชุมชน

   

วัตถุดิบ (ถ้ามี) ->

-

อุปกรณ์ ->

-

กระบวนการ/ขั้นตอน->

 (1) ลงทะเบียน ณ สำนักงานของชมรมท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์บ้านบึงไม้

 (2) ตรวจสอบความพร้อมก่อนการเดินทาง/ของใช้ส่วนตัว เช่น อาหาร,น้ำ,รองเท้า เป็นต้น

 (3) ขึ้นรถพร้อมกัน ที่ทางชมรมฯ จัดหาไว้ให้

 (4) ถึงต้นทางที่จะเริ่มเดินเท้าขึ้นน้ำตกโกรกอีดก จัดนักท่องเที่ยวเป็นกลุ่มๆละประมาณ 10 คน

     ต่อมัคคุเทศก์ 1 คน ซึ่งมัคคุเทศก์จะอธิบายแหล่งท่องเที่ยว ต้นไม้ชนิดต่างๆและถ่ายรูป

     ระหว่างเส้นทาง  การเดินทางจนถึงน้ำตกโกรกอีดก ใช้เวลาเดินทางประมาณ 5 ชั่วโมง

     ในระยะทางไปกลับ 8 กิโลเมตร

ข้อพึงระวัง ->

 (1) บริเวณจุดเสี่ยง มัคคุเทศก์จะอธิบายการใช้เส้นทางเพื่อการเดินทางที่ปลอดภัยแก่

               นักท่องเที่ยว

           (2) หากมีฝนตกหนัก มัคคุเทศก์จะเตรียมเชือกไว้เพื่อให้นักท่องเที่ยวยึดเกาะเวลาข้ามลำธาร

              และชมรมฯ จะส่งมัคคุเทศก์อีกชุดขึ้นไปช่วยนักท่องเที่ยวลงมา โดยใช้วิทยุสื่อสาร

           (3) นักท่องเที่ยวไม่ควรเดินทางไปกันเอง หากเกิดอุบัติเหตุไม่มีใครสามารถช่วยได้ทัน จึงควรมี

               มัคคุเทศก์นำทาง เพื่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน