ความรู้สัมมาชีพชุมชน

image1

เลี้ยงกบในบ่อซีเมนต์

โดย : นางไฉน สังข์เมือง วันที่ : 2017-03-23-08:11:14

ที่อยู่ : บ้านเลขที่ 17 หมู่ที่ 6 ตำบลหนองหญ้าไทร

ความเป็นมา / แรงบันดาลใจ / เหตุผลที่ทำ ->

ครั้งแรกซื้อกบพ่อพันธุ์แม่พันธุ์ นำมาเลี้ยงเพื่อประกอบอาชีพเสริม อาชีพหลักคือการทำนา ต่อมาจับลูกกบขายได้ราคาดี จึงเลี้ยงเรื่อยมา และศึกษาหาความรู้ วิธีการจนสามารถทำการเพาะพันธุ์ลูกกบได้เอง

วัตถุประสงค์ ->

  1. เพื่อเป็นอาชีพเสริม เพิ่มรายได้ให้กับครอบครัว
  2. เพื่อเป็นแหล่งเรียนรู้แก่ผู้สนใจการเลี้ยงกบในบ่อซีเมนต์

วัตถุดิบ (ถ้ามี) ->

กบพ่อพันธุ์แม่พันธุ์

อุปกรณ์ ->

บ่อที่ใช้เลี้ยงเป็นบ่อสี่เหลี่ยมขนาด 1x1 , 2x2 , 2x3 เมตร สูง 1.2 เมตร หรือ บ่อซีเมนต์กลม เส้นผ่าศูนย์กลาง 1 หรือ 1.5 เมตร มีวัสดุปิดด้านบน เช่น กระเบื้องมุงหลังคา เพื่อป้องกันไม่ให้กบตกใจ เครียดหรือโดนแดด ในขณะเดียวกันก็สามารถเปิดให้ได้รับแสงแดดได้ด้วย

กระบวนการ/ขั้นตอน->

การเลี้ยงต้องเลี้ยงแยกเพศ แบ่งเป็นบ่อแม่พันธุ์และบ่อพ่อพันธุ์ เมื่อถึงฤดูผสมพันธุ์จึงนำมารวมกันเพื่อให้จับคู่ ไม่ควรเลี้ยงกบหนาแน่นเกินไป อัตราการปล่อยที่เหมาะสม คือ 20 ตัวต่อตารางเมตร มีการเปลี่ยนถ่ายน้ำสม่ำเสมอ และควบคุมไม่ให้น้ำเสีย  ให้อาหารวันละ 2 ครั้ง เมื่อใกล้ฤดูผสมพันธุ์ให้ลดปริมาณอาหารลง มีการให้วิตามินและแร่ธาตุผสมอาหารเพื่อบำรุงระบบสืบพันธุ์

          สภาวะแวดล้อมกับการผสมพันธุ์กบ

           ในธรรมชาติกบจะผสมพันธุ์และวางไข่ในฤดูฝน กบจะวางไข่ในบริเวณที่มีน้ำตื้น มีพันธุ์ไม้น้ำขึ้นอยู่อย่างหนาแน่นพอสมควร ปัจจัยที่มีผลเกี่ยวข้องต่อการผสมพันธุ์ของกบ ได้แก่

        1. อุณหภูมิ อุณหภูมิที่เหมาะสมต่อการผสมพันธุ์และการวางไข่ของกบ ต้องไม่ต่ำกว่า 25 องศาเชลเชียส และไม่ควรมีอุณหภูมิที่สูงเกินไป โดยปกติ อุณหภูมิในประเทศไทยจะมีความเหมาะสมดีอยู่แล้ว

         2. แสงสว่าง เมื่อกบไข่แล้วหากแสงสว่างไม่เพียงพอ แม่กบจะไม่ ยอมผละจากไข่จะยังคงเฝ้าและดูแลไข่ของตน และในกรณีของการฟักไข่ ไข่ที่อยู่ในที่ร่มแสงแดดส่องไม่ถึงก็จะไม่ค่อยฟักออกเป็นตัวเช่นกัน  

         3. ความชื้น โดยสัญชาตญาณกบจะไม่วางไข่ในที่แล้ง กบจะไข่ ภายหลังฝนตาหรือระหว่างที่ฝนตก ดังนั้นในการกระตุ้นให้กบผสมพันธุ์และ วางไข่โดยวิธีการฉีดโปรยให้เหมือนกับมีฝนตก จะช่วยให้กบผสมพันธุ์และ วางไข่ดีขั้น

         4. หลังจากผสมพันธุ์แล้ว 2 - 3 วัน ไข่กบที่จมอยู่ก้นบ่อก็จะค่อยๆลอยขึ้นพร้อม ๆ กัน มีวุ้นหุ้มโดยรอบเพื่อช่วยป้องกันความร้อน และช่วยรักษาอุณหภูมิให้เหมาะสมกับการฟักเป็นตัว

การเพาะพันธุ์

         เติมน้ำในบ่อเพาะพันธุ์ ให้ได้ระดับ 5-7 เซนติเมตร หรือท่วมหลังกบ ใส่พืชน้ำ เช่น ผักบุ้ง ผักตบ ต้นหญ้า ใบตำลึง เพื่อเลียนแบบธรรมชาติ

ข้อพึงระวัง ->

ให้เลี้ยงแยกเพศ แบ่งเป็นบ่อแม่พันธุ์และบ่อพ่อพันธุ์  การเปลี่ยนถ่ายน้ำสม่ำเสมอ และควบคุมไม่ให้น้ำเสีย ให้อาหารวันละ 2 ครั้ง เมื่อใกล้ฤดูผสมพันธุ์ให้ลดปริมาณอาหารลง

รูปประกอบ -> image1 image2 image3

เว็บไซต์สัมมาชีพชุมชนจังหวัดพิจิตร
กรมการพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย

โทรศัพท์ :
Email :
ที่อยู่ :

เกี่ยวกับเรา