โคกหนองนากระบี่
น้ำเต็มทุกที่ ทำแล้วมีความสุข
(ตอน:บนเกาะก็ทำโคกหนองนาได้)

..เมื่อเอ่ยถึง อำเภอเกาะลันตา จังหวัดกระบี่ หลายคนคงนึกถึง แหล่งท่องเที่ยวที่มีหาดทรายที่สวยงาม น้ำทะเลสีฟ้าใส นักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินขวักไขว่ ไปมาอย่างเนืองแน่น โรงแรม รีสอร์ต และร้านอาหาร จำนวนมากที่ตั้งเรียงรายอยู่ริมชายหาดและสองข้างทาง ซึ่งทำให้คนบนเกาะลันตามีรายได้เป็นกอบเป็นกำจากการท่องเที่ยวแต่นั่นคือเรื่องจริง
ก่อนปี 2563....
.....หลังจากการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาในประเทศไทยนับแต่เดือน มกราคม 2563 เป็นต้นมา สภาพชีวิต
บนเกาะลันตาก็เปลี่ยนไป นักท่องเที่ยว
ที่เคยเดินพลุกพล่านก็แทบไม่มีให้เห็น โรงแรม รีสอร์ต เกสต์เฮ้า และร้านอาหาร ต้องลดและเลิกจ้างพนักงาน 
ส่งผลให้คนเกาะลันตาที่พึ่งพิงอยู่กับภาคบริการดังกล่าวต้องตกงาน ขาดรายได้หลักที่ต้องใช้ในการดำรงชีวิตและผ่อนชำระหนี้สินที่มี โดยไม่รู้ว่าเมื่อไรจะได้กลับมาทำงานที่เดิมอีก ลำพังเงินประกันสังคมที่ได้มาคงพอใช้ได้ไม่เกิน 3 เดือน แล้วหลังจากนั้นพวกเขาจะอยู่กันอย่างไร....
.....แต่แล้วคนเกาะลันตาก็ได้รับข่าว
ที่จุดประกายให้มีความหวังขึ้นมาอีก 
เมื่อรัฐบาลมอบหมายให้กรมการพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย ดำเนินโครงการพัฒนาพื้นที่ต้นแบบการพัฒนาคุณภาพชีวิตตามหลักทฤษฎีใหม่ประยุกต์สู่"โคกหนองนาโมเดล"ทำให้ชาวเกาะลันตาได้รับอานิสงฆ์จากโครงการนี้ถึง 2 ประการ...ประการแรกลูกหลานชาวเกาะลันตาที่ถูกเลิกจ้างจาก โรมแรม รีสอร์ต เกสต์เฮ้าส์ และร้านอาหาร และมาสมัครเป็นนักพัฒนาพื้นที่ต้นแบบ(นพต.) มีงานทำถึง 50 คน ในอัตราเดือนละ 9,000 บาท เป็นเวลา 11 เดือน คิดเป็นรายได้ที่เกิดขึ้นถึง 4,950,000 บาท เกิดกระแสหมุนเวียนทางเศรษฐกิจบนเกาะลันตาเกือบ 50 ล้านบาท ในช่วงเวลาปกติเงินจำนวนนี้อาจดูเล็กน้อย แต่ในภาวะวิกฤตโคโรนาเงินดังกล่าวประเมินค่ามิได้เพราะมีมูลค่าทั้งทางเศรษฐกิจและจิตใจ...
ประการที่สอง ทำให้คนเกาะลันตาที่ไฝ่ฝันอยากทำ"โคกหนองนา" ยุติการรอคอย  ซึ่ง "กอสอด หนูสงค์" ชาวบ้านร่าหมาด ตำบลเกาะกลาง อ.เกาะลันตา
เป็นหนึ่งในจำนวน 103 ราย ที่สมัครเข้าร่วมโครงการในพื้นที่อำเภอเกาะลันตา
...... " กอสอด หนูสงค์ " มีอาชีพปลูกผักและแตงโมขาย แต่รายได้ไม่แน่นอน โดยเฉพาะช่วงหน้าแล้งจะมีปัญหามากเพราะขาดน้ำ จึงเริ่มศึกษาวิธีการทำเศรษฐกิจพอเพียงตามรูปแบบ โคกหนองนา อย่างจริงจังจากยูทูป และเชื่อมั่นว่าจะช่วยแก้ปัญหาที่ตนเองประสบมาอย่างซ้ำซากได้.เมื่อผู้ใหญ่บ้านประชาสัมพันธ์โครงการพัฒนาพื้นที่ต้นแบบฯ จึงรีบสมัครโดยไม่ลังเล แม้จะถูกค่อนแคะจากเพื่อนบ้านว่า" ที่ดินสวยๆหน้าดินดีๆ จะเอามาขุดให้เสียหายทำไม"
...20 มิถุนายน 2564 เมื่ออำเภอขุดปรับพื้นที่ 3 ไร่ ตามแบบมาตรฐานกรมการพัฒนาชุมชน ได้สำเร็จและมีน้ำเต็มสระ ทำให้เขาพึงพอใจมาก เพราะปัญหาการขาดแคลนน้ำเพื่อการเกษตรที่เกิดขึ้นจะได้หมดไปเสียที... หลังจากขุดสระเสร็จได้ไม่นาน จึงได้ปลูกหญ้าแฝกริมขอบบ่อกันขอบบ่อพังทลาย และปรับปรุงบำรุงดินด้วยปลูกปอเทือง จากนี้ไปวางแผน
จะปลูกไผ่พันธ์ุซางหม่น เพื่อขายลำ ขายหน่อ นำลำมาทำเป็นสะพานและร้านค้าให้ภรรยาขายส้มตำไก่ทอดในบริเวณแปลง ปลูกหน่อไม้ฝรั่ง มะละกอ และผักสวนครัว ไว้รับประทานและจำหน่าย และปลูกดอกไม้ เพื่อขยายเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงเศรษฐกิจพอเพียงต่อไป...

"ขอบคุณภาครัฐที่มีโครงการที่ดีและ
เข้าถึงประชนชนได้จริง ๆ ไม่เหมือนแต่ก่อนที่อบรมแล้วก็จบโดยไม่มีอะไรต่อ"
" กอสอด หนูสงค์ กล่าวทิ้งท้ายสะท้อนความรู้สึกถึงสิ่งที่ได้รับจากโครงการ