ภาพกิจกรรม

อุบลราชธานี ต้อนรับคณะอนุกรรมการติดตามโครงการภายใต้แผนงานสร้างความเข้มแข็งแก่เศรษฐกิจฐานราก ครั้งที่ 1 ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

อุบลราชธานี ต้อนรับคณะอนุกรรมการติดตามโครงการภายใต้แผนงานสร้างความเข้มแข็งแก่เศรษฐกิจฐานราก ครั้งที่ 1 ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ วันอังคารที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ.2563 เวลา 13.00 น. ณ ศูนย์พุทธธรรมพรหมวชิรญาณป่าดงใหญ่วังอ้อ ต.หัวดอน อ.เขื่องใน จ.อุบลราชธานี นายสฤษดิ์ วิฑูรย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี ให้การต้อนรับคณะจากสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.)ในฐานะคณะอนุกรรมการติดตามโครงการภายใต้แผนงานสร้างความเข้มแข็งแก่เศรษฐกิจฐานราก ครั้งที่ 1 ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ นำโดย 1)นายเอ็นนู ซื่อสุวรรณ​ กรรมการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคม ประธานกำกับติดตามการลงพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 2)นางสาวสุภาวดี สิงห์รุ่งสกุล​ ผู้เชี่ยวชาญการวางแผนยุทธศาสตร์จังหวัด 3)นายมังกร พรหมแสง​นักวิเคราะห์นโยบายและแผนชำนาญการพิเศษ โดยมีพระครูสุขุมวรรโณภาส ​ตำแหน่งเจ้าคณะตำบลหัวดอน / ผู้อำนวยการศูนย์พัฒนาคุณธรรมป่าศูนย์พุทธธรรมพรหมวชิรญาณป่าดงใหญ่วังอ้อ นายคมกริช ชินชนะ พัฒนาการจังหวัดอุบลราชธานี หัวหน้าส่วนราชการระดับจังหวัดและอำเภอ ผู้แทนจากกรมการพัฒนาชุมชน ผู้อำนวยการกลุ่มงาน พัฒนาการอำเภอ เจ้าหน้าที่พัฒนาชุมชน ตลอดจนผู้นำชุมชนและประชาชนผู้เข้าร่วมโครงการพัฒนาพื้นที่ต้นแบบการพัฒนาคุณภาพชีวิตตามหลักทฤษฎีใหม่ ประยุกต์สู่ “โคก หนอง นา โมเดล” ร่วมให้การต้อนรับ ในการนี้ พระครูสุขุมวรรโณภาส ได้เมตตาบรรยายสรุปการนำเสนอ mind map ข้อมูลการดำเนินงานของพื้นที่ศูนย์เรียนรู้ชุมชนต้นแบบการพัฒนาคุณภาพชีวิตวัดป่าดงใหญ่วังอ้อ จากนั้น นายคมกริช ชินชนะ พัฒนาการจังหวัดอุบลราชธานี ได้กล่าวบรรยายสรุปผลการดำเนินงานในประเด็น ข้อมูลพื้นฐานทั่วไปของจังหวัดฯ / ข้อมูลการดำเนินงานโครงการพัฒนาพื้นที่ต้นแบบการพัฒนาคุณภาพชีวิตตาม หลักทฤษฎีใหม่ ประยุกต์สู่ “โคก หนอง นา โมเดล” จังหวัดอุบลราชธานี / ข้อมูลการสมัครเข้าร่วมโครงการพัฒนาพื้นที่ต้นแบบการพัฒนาคุณภาพชีวิตตามหลักทฤษฎีใหม่ ประยุกต์สู่ “โคก หนอง นา โมเดล” ระยะที่ 1 และระยะที่ 2/ข้อมูลการสมัครเข้าร่วมโครงการพัฒนาหมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียง ปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 / การเตรียมความพร้อมการดำเนินการในพื้นที่ และความก้าวหน้าการดำเนินงาน / ปัญหา อุปสรรค แนวทางแก้ไข โอกาสนี้ นายเอ็นนู ซื่อสุวรรณ​ กรรมการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคม ประธานกำกับติดตามการลงพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ได้พบปะผู้เข้าร่วมประชุม และให้ข้อเสนอแนะว่า การลงพื้นที่ครั้งนี้ไม่ได้มาจับผิดแต่อย่างใด เป็นการมาเพื่อแลกเปลี่ยนและให้คำแนะนำในการดำเนินงาน ให้ประสบผลสำเร็จ บรรลุวัตถุประสงค์ที่รัฐบาลตั้งเป้าไว้ สภาพัฒน์ฯ ได้ตั้งคณะอนุกรรมการติดตามโครงการ ถือเป็นครั้งแรก เนื่องจากโครงการนี้มันไม่ใช่โครงการงบประมาณปกติ เป็นโครงการที่ขอจากงบเงินกู้ 4 แสนล้าน โครงการของกระทรวงเกษตรฯ และโครงการของกระทรวงมหาดไทย รวมเป็น 2 โครงการแรกที่ทางสภาพัฒน์อนุมัติ รวมแล้ว 1.4 หมื่นล้านบาท เราเป็นกังวลว่า โครงการนี้เป็นโครงการที่ดีมีประโยชน์ต่อพี่น้องประชาชนถ้าไม่มีการติดตามดูแลให้ถูกต้องเหมาะสม ก็จะละลายหายไปแล้วจะถูกโจมตี เพราะเป็นโครงการเงินกู้ที่รัฐบาลต้องจ่ายดอกเบี้ย จะกลายเป็นสร้างปัญหาเพิ่มเติม ต้องทำแล้วคุ้มค่า เราจึงมีความเป็นกังวลว่าบุคคลที่เกี่ยวข้องมีความเข้าใจตรงกันหรือไม่ เพราะระยะเวลาสั้นมาก 12 เดือน ถือเป็นเรื่องสำคัญ เราจะทำอย่างไรให้โครงการประสบความสำเร็จได้ จึงได้ตั้งคณะอนุกรรมการขึ้นมาติดตามตั้งแต่เริ่มต้นเพื่อจูนความคิดความเข้าใจให้ตรงกัน ซึ่งในที่ประชุมได้เห็นตรงกันว่าต้องมีการลงพื้นที่ติดตามงานเพื่อดูพื้นที่เพื่อให้ข้าราชการทำงานร่วมกับประชาชนได้ตามสภาพภูมิประเทศที่เหมาะสม ไม่ว่าจะเป็นเกษตรทฤษฎีใหม่ หรือ โคก หนอง นา โมเดล ก็ถือเป็นศาสตร์พระราชา ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องเดียวกัน แตกต่างกันที่รูปแบบการทำงานเท่านั้น ซึ่งอยู่ในพื้นที่เดียวกัน ดังนั้นผมก็อยากฝากทางเกษตรจังหวัด ทางพัฒนาการจังหวัด ให้ไปร่วมกัน แลกเปลี่ยนความคิดซึ่งกันและกัน เพราะเป็นเรื่องยากสำหรับหน่วยใดหน่วยหนึ่ง ต้องช่วยกัน ร่วมมือกัน ยิ่งเป็นยุคโควิด-19 ปัญหาเยอะไปหมด เราต้องช่วยกันคิดช่วยกันทำประเทศไทยถึงจะอยู่รอด เพราะ 2 โครงการนี้ถือเป็นศาสตร์พระราชา ซึ่งเป็นโครงการที่ดีแล้ว แต่วิธีการต้องให้เกิดประโยชน์ที่แท้จริงกับพื้นที่ ถ้ากฎเกณฑ์ข้อไหนไม่เอื้อ อนุกรรมการจะเสนอเข้า ครม.แก้ไขให้อำนวยความสะดวก เราต้องช่วยกันให้โครงการเกิดประโยชน์อย่างจริงจัง การดำเนินงานเปรียบเหมือนเรากลัดกระดุม หากสามารถกลัดกระดุมเม็ดแรกถูก ก็มีแนวโน้มที่ทุกอย่างจะสำเร็จได้โดยง่าย หากเรามีการเริ่มต้นที่ดี แต่ใช่ว่าในระหว่างทางจะไม่เกิดปัญหาขึ้น อาจมีกระดุมบางเม็ดที่หลุดหายไป เราก็ต้องสามารถแก้ปัญหา หากระดุมเม็ดใหม่มาติดแทนให้ได้ จึงขอเป็นกำลังใจให้ข้าราชการทำงานให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะเราไม่ได้ทำงานแค่เพื่อกระทรวง กรม แต่สิ่งที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคืองานเพื่อประชาชน ขอเป็นกำลังใจให้ทุกท่าน เราทำเพื่อประชาชน ประชาชนก็ต้องร่วมมือกัน และขอให้คิดบวก ความคิดในทางบวกจะทำให้เรามีความสุข" นายเอ็นนู กล่าว จากนั้นคณะ ได้เยี่ยมชมถนนสายวัฒนธรรม ชมป่าไม้ 5 ระดับ ฐานคนเอาถ่าน และโครงการพัฒนาพื้นที่ต้นแบบการพัฒนาคุณภาพชีวิตตาม หลักทฤษฎีใหม่ ประยุกต์สู่ “โคก หนอง นา โมเดล” ภายในบริเวณศูนย์พุทธธรรมพรหมวชิรญาณ ป่าดงใหญ่วังอ้อ ก่อนเดินทางกลับกรุงเทพมหานคร ต่อไป